วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สักการะ เงาพระธาตุกลับหัว 6 เงา รอยพระพุทธบาท วัดพระธาตุดอยน้อย อ.เกาะคา



จังหวัดลำปางพบความอัศจรรย์มากมาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้วัดเก่าแก่ชื่อดังของจังหวัดลำปาง หลายแห่งมีเงาพระธาตุกลับหัวให้ประชาชน พุทธศาสนิกชน นักท่องเที่ยว ได้เข้าชมความอัศจรรย์  ทั้งวัดพระธาตุลำปางหลวง วัดพระธาตุจอมปิง อ.เกาะคา จ.ลำปาง ที่เลื่องชื่อลือชาไปทั่วโลก  

นอกจากนั้นยังมีวัดอีกแห่งหนึ่งที่พบเงาประธาตุกลับหัว ถึง 6 เงา ในวิหารทรงสี่เหลี่ยม ศิลปะปาละ หรือวิหารหลังเปียง ที่ครูบาศรีวิชัย หรือพระศรีวิชัยชนะภิกขุ พระมหาเถระ หรือนักบุญแห่งล้านนา ได้ร่วมกับพุทธศาสนิกชน สร้างวิหารหลังนี้ขึ้นมาใหม่ และหาดูได้อยากมาก ที่วัดพระธาตุดอยน้อย เลขที่ 190 บ้านนางแตน หมู่ 1 ต.ท่าผา อ.เกาะคา จ.ลำปาง


วัดแห่งนี้ตามประวัติ ก่อสร้างมาสมัยได้ยังไม่ปรากฏเป็นที่ชัดเจนแต่ตามจารึก สถานที่แห่งนี้เป็นวัดเดิม และเมื่อประมาณปี 2230 มีพระภิกษุสงฆ์ มาปฏิบัติธรรม ที่วัดแห่งนี้หลายรูป แต่เนื่องจากมีสภาพค่อนข้างเป็นป่าและทุรกันดาร ได้มีชาวบ้านที่ให้ความนับถือมาสร้างกุฏิไม้ไผ่ถวาย ต่อจากนั้นก็มีพระภิกษุมาปฏิบัติธรรมมากขึ้น ชาวบ้านก็ได้สร้างสาสนะขึ้น เพื่อเป็นที่เคารพบูชาและจัดตั้งเป็นวัดดอยน้อย แต่ระยะหลังพบว่าพระภิกษุได้ออกไปจำพรรษาที่อื่นกันจนกระทั่งไปรกร้างไปอีกหลายปี และเมื่อปี 2460 หลวงปู่ครูบาญาณรังสี สิงห์แก้ว เจ้าอาวาทขณะนั้น ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ครูบาศรีวิชัย ได้ร่วมกับ ครูบาอภิชัยขาวปี แห่งวัดพระพุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน และ และคณะพุทธศาสนิกชน ร่วมกันบูรณะซ่อมแซมวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และได้รับการจัดตั้งเป็นวัดอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2461 โดยใช้ชื่อว่า วัดดอยน้อย




ในปี พ.ศ.2504 ทางวัดดอยน้อยได้รับเมตตาจาก ครูบาศรีวิชัย นำคณะศรัทธาสาธุชนทั่วทั้งหลายมาก่อสร้างพระวิหารขึ้นทางทิศเหนือของพระเจดีย์พร้อมทั้งสร้างพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยไว้ในพระวิหาร โดยเรียกกันว่า “วิหารหลังเปียงนอกจากจะมีสถาปัตยกรรมวิหารที่แตกต่างจากวัดทั่วไปแล้ว ภายในวิหารยังพบเงาพระธาตุถึง 6 เงา



พระอธิการ ชรัด อริโย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยน้อย เล่าถึงความเป็นมาของเงาพระธาตุที่พบว่า  ในปี พ.ศ.2548 ท่านพบเจอเงาพระธาตุโดยบังเอิญ ตอนนั้นท่านมานั่งสมาธิในวิหารแห่งนี้ ขณะนั้นประตูวิหารปิดหมด และพบว่ามี เงาสะท้อนที่พื้นเห็นนกจับที่พระธาตุ ก็แปลกใจ ไปดูตรงรูที่แสงลอดลงมาจึงพบว่าเป็นเงาสะทอนพระธาตุนั้นเอง จากนั้นจึงได้สังเกตทั่ววิหารพบว่า จุดที่พบว่ามีเงาพระธาตุเรียกกันถึง 5 เงา อยู่ด้านซ้ายมือพระประธานอีกเงา เป็นเงาขนาดใหญ่อยู่ด้านขวามือองค์พระประธาน นอกจากนี้ยังพบมีเงาซุ้มประตูโขงอีกหลายเงาด้วย จึงเก็บเงียบมาเกือบ 1 ปีก่อนที่จะบอกให้ศรัทราทราบนอกจากจะมีเงาพระธาตุแล้ว ยังมีรอยพระพุทธบาท อยู่ฝังอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่นับถือเข้ามาสักการะอีกด้วย









Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์