วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดีเดย์ 1 ธันวา ปู๊นปู๊นเหนือ เลิกตกราง


ผู้ว่าการรถไฟสั่งยืดเวลาซ่อมรางอีก 30 วัน  เปลี่ยนรางเพิ่มอีก 100 ก.ม. สายเหนือพร้อมเปิดบริการ 1 ธ.ค.56 ยันหากทำเสร็จสมบูรณ์จะไม่มีปัญหารถไฟตกรางจากเหตุสภาพทางอีก 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 25 ต.ค.56  นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (.ฟ.ท.) พร้อมด้วยนายสุประภาส เสนีวงศ์ ณ อยุธยา วิศวกร ใหญ่ฝ่ายการช่างโยธา การรถไฟแห่งประเทศไทย  ได้ร่วมกันแถลงผลความคืบหน้าการซ่อมแซมรางรถไฟสายเหนือ ตั้งแต่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ ถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ หลังจากปิดทางเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 56 ที่ผ่านมา โดยจะครบกำหนด 45 วันในวันที่ 31 ต.ค.56 นี้

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า  หลังจากที่ปิดรถไฟสายเหนือเพื่อซ่อมแซมรางรถไฟ ได้ทำการเปลี่ยนไม้หมอนเป็นคอนกรีต และเปลี่ยนรางรถไฟเป็นขนาด 100 ปอนด์  โดยเน้นการซ่อมแซมอุโมงค์ทั้ง 4 แห่งเป็นหลัก คือ อุโมงค์ปางตูบขอบ อุโมงค์เขาพลึง  อุโมงค์ห้วยแม่ลาน  และอุโมงค์ขุนตาน  และจุดเสี่ยง เช่น ทางโค้ง ทางขึ้นเขาต่างๆ  ซึ่งตามแผนงานได้ดำเนินการไปแล้ว 84 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเข้าไปดูหน้างานแล้วปรากฏว่ายังมีสภาพทางที่จะเป็นต้องมีการปรับปรุงอยู่อีกหลายจุด ซึ่งหากทำงานตามแผนงานเดิมจุดเสี่ยงเหล่านี้ก็จะยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงเห็นว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด และจำเป็นอย่างมากเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ควรจะมีการเปลี่ยนรางเพิ่มขึ้น จากแผนเดิม 105 ก.ม.เป็น 203 ก.ม.ดังนั้น ได้มีการหารือกันว่าต้องขยายเวลาทำให้เรียบร้อยและสมบูรณ์ ไปอีก 30 วัน จนถึงวันที่ 30 พ.ย.56  โดยเปิดใช้บริการในวันที่ 1 ธ.ค.56  และขอยืนยันว่าเมื่อเปิดใช้บริการแล้ว จะไม่มีการตกรางจากเหตุของสภาพทางอีก 100 เปอร์เซ็นต์   นอกจากนั้นระหว่างที่มีการซ่อมทางนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างกล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการตรวจสอบล้อเลื่อน ตู้โดยสาร หัวรถจักร ของขบวนที่วิ่งในสายเหนือ และให้ความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาการชำรุดของชิ้นส่วนต่างๆ เพราะมีการปรับปรุงตัวน๊อตยึดให้ดีขึ้น   
ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในส่วนของหัวรถจักรได้มีการเซ็นสัญญาสั่งซื้อไปแล้ว 20 หัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ต้องใช้เวลาผลิตประมาณ 10 เดือน  นอกจากนี้ยังทำการประกวดราคาไปอีก 50 หัว อยู่ระหว่างการหาผู้ผลิตคาดว่าจะได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 สำหรับตู้โดยสารได้มีการสั่งซื้อไป 115 ตู้ และกำลังจะเซ็นสัญญา และจัดซื้อแคร่บรรทุก 308 แคร่  ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ  โดยอีก 2 ปีข้างหน้าจะได้มีการเริ่มใช้งานหัวรถจักรและตู้โดยสารล็อตใหม่ดังกล่าว

นายประภัสร์ กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการที่ได้ซื้อบัตรโดยสารไว้แล้ว สามารถเก็บไว้ใช้ในวันที่ 1 ธ.ค.56 ได้ หรือขอคืนบัตรโดยสาร ทางการรถไฟจะคืนเงินให้เต็มจำนวน   ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการเดินทางทางรถไฟมีความปลอดภัย และสามารถรองรับการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีต่อไปในอนาคต

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 950 วันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2556)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์