พลเมืองดีห่วงใยคนใช้บริการทางเท้า
แจ้งสื่อช่วยตรวจสอบ หลังพบในเขตเทศบาลนครลำปาง มีการค้าขาย
รวมทั้งสถานที่ก่อสร้างบางแห่ง รุกล้ำเข้ามาในเขตทางเท้า
ทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความเดือดร้อนและเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ขณะที่นายกเทศมนตรีเผยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ต้องใช้เวลาในการปรึกษาหาทางออก
เนื่องจากปัญหาเกิดมานานหลายปีโดยไม่เคยได้รับการแก้ไข
และไม่มีกฎหมายเอาผิดชัดเจน
ด้านแหล่งข่าวระบุว่า กรณีนี้เกิดทั่วเมืองปราบได้ไม่หมด
ทำได้เพียงตักเตือน โทษปรับครั้งละ 2,000 บาท เท่านั้น
ลานนาโพสต์ได้รับการแจ้งข่าวจากพลเมืองดีว่าบริเวณด้านหน้าโรงเรียนลำปางกัลยาณี ซึ่งกำลังสถานที่ก่อสร้างอาคารพาณิชย์
ได้ใช้สังกะสีกั้นครอบบริเวณการก่อสร้าง โดยคร่อมเต็มพื้นที่ทางเท้า
ด้วยความเป็นห่วงในความปลอดภัยของนักเรียนที่ต้องไปเดินบนถนนแทน
จึงขอให้สอบถามทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ลานนาโพสต์จึงได้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวในช่วงเวลาประมาณ
16.30 น. ซึ่งเป็นช่วงโรงเรียนเลิก
พบว่าบริเวณการก่อสร้างมีการล้อมสังกะสีตามที่ได้รับแจ้งจริง
และอีกฝั่งถนนมีร้านค้าตั้งขายของบททางเท้าและบนถนนหลายราย เด็กนักเรียนจึงต้องเดินบนถนน
และยืนซื้อของบนถนนแทน
รวมทั้งในซอยดังกล่าวยังมีรถผ่านอยู่ตลอดเวลา
ทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้นในการสัญจร
น.ส.นิรชา
ตากล้า นักเรียนชั้น ม.5
โรงเรียนลำปางกัลยาณี กล่าวว่า การก่อสร้างได้เริ่มทำมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว โดยส่วนตัวได้รับผลกระทบนิดหน่อย ต้องระวังในตัวเองเวลาเดินบนถนน
เพราะจะมีรถเลี้ยวเข้ามาในซอยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงเวลาเลิกเรียน 16.00 น. รถจะเยอะมากก็ต้องระวังเป็นพิเศษ
นายธนวัฒน์ วงศ์ใจ
นักเรียนชั้น ม. 5 กล่าวว่า ทางด้านหน้ายังมีที่ว่างสามารถเดินได้อยู่
จะมีแต่ทางด้านข้างที่ล้อมรั้วทับทางเท้าไว้ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนมาก
ต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น เพราะจุดทางเลี้ยงเป็นมุมอับ
ทำให้รถที่เข้ามามองไม่เห็นคนที่อยู่ในซอย อยากฝากให้ลดความเร็วด้วย แต่ตั้งแต่ก่อสร้างมาก็ยังไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
ด้านแม่ค้าที่ตั้งโต๊ะค้าขายอยู่บนถนนและทางเท้าอีกฝั่งหนึ่งของถนน กล่าวว่า
เดิมได้ตั้งขายอยู่ฝั่งตรงข้าม
แต่พอมีการก่อสร้างจึงย้ายมาตั้งอยู่ฝั่งนี้แทน ซึ่งมีทางเทศกิจเข้ามาพูดคุยผ่อนผันให้ตั้งขายได้
แต่ต้องตั้งขายในเวลาที่กำหนดให้เท่านั้นคือถึง 17.00 น. ส่วนทางเท้านั้นปกติก็เห็นว่านักเรียนไม่ค่อยเดินกันอยู่แล้ว
เพราะทางเท้าตรงจุดนี้แคบมาก เดินสวนกันไม่ได้เลย
เด็กก็จะลงมาเดินบนถนนอยู่ดี คิดว่าการล้อมรั้วไว้ก็ดีแล้ว
เพราะป้องกันอันตราย ในช่วงแรกอาจจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น
แต่เมื่อถึงเวลาโรงเรียนเลิกเขาก็จะหยุดการก่อสร้างทันที
เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อเด็ก เมื่อสร้างเสร็จ
ได้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นว่าจะเปิดให้เช่าด้านล่าง แม่ค้าก็จะเข้าไปขายอยู่ด้านในตึกจะไม่มาตั้งขายบนทางเท้าแล้ว
สำหรับอาคารดังกล่าว
ทราบว่าจะก่อสร้างเป็นศูนย์การศึกษา เปิดโรงเรียนสอนกวดวิชา ติวเตอร์ ครบวงจร
เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษาเด็กจะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้น และเดินทางสะดวกสบาย โดยจะทำการก่อสร้างเสร็จต้นปีหน้า
นอกจากนั้นลานนาโพสต์ยังได้สำรวจพื้นที่อื่นๆ
ซึ่งพบว่ามีการตั้งขายของบนทางเท้าหลายแห่ง
โดยเฉพาะถนนด้านข้างธนาคารออมสินสาขาลำปาง ถนนที่เชื่อมต่อมายังถนนรอบเวียง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายอาหารแห้ง และผลไม้ จากการสอบถามผู้ใช้บริการ
ทราบว่าได้รับความเดือดร้อนในการใช้ทางเท้ามาก
ร้านค้าจะมีการนำโต๊ะมาวางขายของเกือบเต็มพื้นที่ เหลือทางเท้าไว้เพียงนิดเดียว
ซึ่งไม่สามารถเดินได้ต้องเดินบนถนน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
เพราะอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นที่จอดรถ มีช่องทางรถวิ่งได้เพียงคันเดียว สวนกันไม่ได้
เวลารถมาก็ต้องหลบ ตรงจุดนี้น่าจะแก้ปัญหาให้ได้
เพราะมีคนเข้ามาจับจ่ายซื้อของจำนวนมาก
ด้านนายกิตติภูมิ
นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง กล่าวว่า ปัญญาการรุกล้ำที่ทางเท้านี้
เกิดมานานหลายสิบปี โดยไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่เริ่มแรก ปล่อยทิ้งไว้มานาน
การจะแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงต้องใช้เวลาในการพูดคุยกันทุกฝ่าย
เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก
ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่ขณะนี้ขอความชัดเจนก่อนจะแจ้งให้ทราบอย่างแน่นอน
ลานนาโพสต์ได้สอบถามปัญหานี้ไปยังแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ กล่าวว่า
เรื่องขายของบนทางเท้าได้มีการร้องเรียนกันประจำ
ส่วนใหญ่ก็เป็นคนใกล้ชิดร้องเรียนมาเพราะไม่ชอบหน้ากัน ปัญหานี้จะเกิดขึ้นโดยตลอด ทุกวันนี้มีการทำผิดไปทั่วทุกพื้นที่ เจ้าหน้าที่ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก โทษปรับสูงสุดได้ครั้งละ
2,000
บาท ปรับแล้วก็กลับมาทำอีก เมื่อพบว่ามีการรุกล้ำ แต่ยังพอมีทางเดินอยู่ก็ทำได้แค่ตักเตือนเท่านั้น
ส่วนการก่อสร้างอาคารหน้าโรงเรียนลำปางกัลยาณีนั้น
ทางสถานที่ก่อสร้างก็ต้องมีการล้อมรั้วป้องกันความปลอดภัย เป็นการก่อสร้างชั่วคราวไม่ได้ติดตั้งแบบถาวร
และทราบว่าได้มีการขออนุญาตจากทางเทศบาลแล้ว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 953 วันที่ 22 - 28 พฤศจิกายน 2556)
