วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ห่มหนาว ที่ราวป่า ห่มฟ้าที่แจ้ซ้อน


ก็บความทุกข์ วุ่นวายในชีวิต ไว้ในลิ้นชักชั่วคราว แล้วควบรถเก่าเพื่อนยาก ไต่ไปบนถนนสายลำปาง เมืองปาน ใช้เวลาราวชั่วโมงเศษๆ ขับรถกินลมชมวิว เลียบขุนเขาใหญ่ ก็ถึงแจ้ซ้อน อุทยานแห่งชาติของเมืองลำปาง ลมหนาววูบไหวมาต้อนรับในนาทีแรกที่ผ่านเข้าไป จากนาทีนั้น ชีวิตก็โอบล้อมไว้ด้วยป่าใหญ่ น้ำค้างเย็นยะเยือก น้ำพุร้อนระอุที่บ่อน้ำ โรยตัวด้วยละอองขาวแทรกเข้าไปในสายลมหนาว นี่คือสวรรค์บนดินโดยแท้

ลำปางหนาวมาก แต่ลำปางหลายปีที่ผ่านมา ไม่หนาวมากเท่าที่คิด ผิดกับปีนี้ ที่ลำปางหนาวแล้ว

ลำปางหนาวแล้ว วลียอดฮิตที่ใช้ไม่ได้กับปีที่ผ่านมาเพราะปีนั้นจำได้ว่าฉลองปีใหม่แบบเหงื่อแตกผลั่ก มาถึงหนาวนี้ช่วงต้นเดือนธันวาคมสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นของลมหนาวโบกพัดมา เป็นสัญญาณให้คนต่างถิ่นออกท่องเที่ยวเมืองเหนือ ยิ่งในช่วงวันหยุดปีใหม่ปลายปีนี้ที่กำหนดให้วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2556 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษอีก 1 วัน ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2556 - วันพุธที่ 1 มกราคม 2557  ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
การขับรถเที่ยวแบบฉิ่งฉับทัวร์ โดยวางเป้าหมายการค้างอ้างแรมเป็นอุทยาน เป็นกิจกรรมหนึ่งสำหรับครอบครัวทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ที่นับวันจำนวนผู้คนที่โหยหาธรรมชาติเริ่มมีมาขึ้น ดังนั้น Outdoor Activity ทั้งหลายจึงได้รับความนิยมทั้งการแคมป์ปิ้ง ขี่จักรยาน กิจกรรมที่ไม่เน้นความหรูหราแต่เน้นความสัมพันธ์ในครอบครัวที่นานทีจะหาจังหวะวันหยุดยาวที่ตรงกันยกขบวนไปพักผ่อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนจังหวัดลำปาง จึงเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ใครหลายคนปรารถนา

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเป็นแหล่งธรรมชาติที่คงสภาพป่าไว้ได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดลำปาง 70 กม. ตั้งอยู่ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ได้รับรางวัล อุทยานแห่งชาติดีเด่นประจำปี 2543ตามที่กรมป่าไม้ได้จัดงานวัน สถาปนากรมป่าไม้ครบรอบ 104 ปี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2543 โดยได้จัดประกวดอุทยานแห่งชาติ ดีเด่นด้านการ ท่องเที่ยวประจำปี 2543 นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนนอกจากจะได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Tourism Awards) ปี 2543 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดเยี่ยมในด้านการออกแบบ สิ่งอำนวยความ สะดวกใน อุทยานฯ ได้อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติแล้ว สภาพแวดล้อมภายในอุทยานฯ ยังตกแต่งได้อย่าง สวยงามไม่แพ้รีสอร์ท เอกชน เหมาะสำหรับผู้ที่จะไปเที่ยวแบบครอบครัว สามารถเที่ยวได้ตลอดปี

สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในช่วงหน้าหนาวเพราะที่แห่งนี้มีทั้งน้ำตกแจ้ซ้อน มีเส้นทางสำหรับเดินศึกษาธรรมชาติ หลังจากไปรับลมเย็นละอองน้ำ เล่นน้ำตกแล้ว ก็มาแช่น้ำแร่ต่อ ที่นี่จะบ่อน้ำแร่กลางแจ้ง บ่อรวม และห้องอาบน้ำแร่ส่วนตัว แช่ตัวเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า  จากนั้นก็ไม่ต่อด้วยการนวดแผนโบราณที่กลุ่มคนท้องถิ่นรวมตัวกันเพื่อเป็นรายได้พิเศษ มีทั้งนวดตัว นวดฝ่าเท้า

จำได้ว่าปีนึง แร็ค ลานนา ไปนวดตัว ลากเบาะนวดไปนอนนวดกลางแจ้งใต้ร่มไม้ (เพราะคนเยอะในศาลานวดเต็ม) ขอบอกว่า ฟิน ผุดผุด นวดตัว อากาศเย็น ฟังเสียงนกร้อง เคล้าเสียงน้ำตก โอย...สวรรค์น้อยๆล่ะคุณเอ้ย  

พอสบายตัวแล้วก็ต่อด้วยสบายท้อง การแคมป์ปิ้งมันสนุกก็ตอนทำอาหารแบบง่ายๆ เมนูที่พลาดไม่ได้สำหรับการมาเยือนที่นี่คือ ยำไข่น้ำแร่เพราะที่นี่มีบ่อน้ำแร่แอ่งน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 80 องศาเซลเซียส  ที่เอาไข่ไก่ลงไปแช่ในน้ำแร่ 17 นาที เราก็จะได้ไข่ยางมะตูมที่ไข่แดงจะแข็งไข่ขาวจะเหลว พอไปถึงเต้นท์เราก็บีบมะนาว น้ำปลา น้ำตาล ซอยหอมแดงหอมหัวใหญ่พริกขี้หนูโรย แค่นี้ก็จะได้เมนูอร่อยเลิศตามแบบฉบับที่หาได้เพียงที่นี่ที่เดียว

เมื่อสบายตัวสบายท้อง ก็ได้เวลาปูเสื่อห่มผ้านอนดูดาวเมาท์มอยกันท่ามกลางบรรยากาศสบายๆเย็น  หนาวก็ม้วนตัวกลับเข้าเต้นท์ซุกตัวใต้ผ้าห่ม หลับสบายแบบไม่ต้องง้อแอร์ที่บ้าน กลางดึกอากาศจะเริ่มหนาวได้ยินเสียงหยดน้ำค้างกระทบเต้นท์ดังเปาะ...แปะ...ตื่นเช้ามารับอากาศสดชื่น หนาวน้ำค้าง เฮ้อ....คิดแล้วก็อยากไปอีก

พี่พิราวรรณ กำลังกล้า ทำงานที่อุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี 2538 บอกว่า เธอเต็มใจให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยใจ อยากให้นักท่องเที่ยวมีความสุข สะดวกสบาย ใส่ใจนักท่องเที่ยวที่โทรมาจองเต้นท์ชนิดฟังเสียงก็คุ้นหู หรืออย่างวันก่อนคุณชรินทร์ (นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพ)จองเต้นท์ไว้พอถึงเวลาจะเลิกงานก็ว่าจะโทรหาเพราะคุณชรินทร์ยังไม่มาแต่คุณ ชรินทร์ก็ติดต่อมาก่อน

นักท่องเที่ยวแจ้งว่าจะเดินทางมาถึงช้าหน่อยก็อยู่รอจนถึงสองทุ่มและรอให้บริการนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่ทยอยเดินทางมาถึง เพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องเต้นท์ และอุปกรณ์ที่นอนหมอนผ้าห่ม และมีพี่สมเดช วุฒิ ที่พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกยกไปถึงที่ เจ้าหน้าที่ร้านค้าสวัสดิการก็มีอัธยาศรัยไมตรีดี 

เพียงแค่นี้ก็ทำให้สถานที่เที่ยวธรรมดา

กลายเป็นที่สำหรับการพักผ่อนที่ดีที่สุดโดยที่ไม่ต้องเสียเงินไปกับโรงแรมหรูหรา ราคาแพงๆ

แม้เพียงเวลาสั้นๆ มาห่มหนาวที่ราวป่า มาห่มฟ้าที่แจ้ซ้อน ก็พอเป็นเสบียงแห่งความสุข เก็บไว้กินไว้ใช้ ได้ทั้งปี


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 956  13 - 19 ธันวาคม 2556)  
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์