วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2557

กกต.ไม่ออก เลือดชโลมแผ่นดิน !




ทั้งที่ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี สามารถเสนอเพื่อโปรดเกล้าตราพระราชกฤษฎีกา กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้

ทั้งที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยประกาศยุบสภา ก่อนที่จะนำความกราบบังคมทูล เพื่อตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาได้

แต่เมื่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหนังสือขอความเห็นให้รัฐบาลเสนอพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลกลับเรียกระดมผู้คนจากทุกสารทิศ มาช่วยตัดสินใจ เพื่อให้เห็นว่าการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้น เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความเป็นความตายของบ้านเมือง เป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเกินอำนาจ ที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะตัดสินใจเพียงผู้เดียว ดังนั้น จึงมีหนังสือเชิญหน่วยงาน องค์กร กลุ่มบุคคลรวม 70 รายชื่อ รวมสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เพื่อหาทางออก

สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่มีวันสังฆกรรมกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเด็ดขาด !

นี่เป็นทางออก ที่ถูกปิดในฉับพลันที่มีข้อเสนอเช่นนี้

เนื่องเพราะ นาทีนี้ ชัยชนะประการเดียวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์

ไม่ว่า ความพร้อมในการเลือกตั้ง 28 เขตเลือกตั้งในภาคใต้ไม่มีผู้สมัคร คะแนนผู้สมัครไม่ถึง 20 % จำนวน ส.ส.จะไม่ถึง 95 % เปิดสภาไม่ได้ จะมีหรือไม่

ไม่ว่าจะมีผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี เงิน 3,800 ล้าน จะละลายหายไป เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งยังขาดอยู่นับแสนคน และแน่นอนว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการหลั่งเลือด ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่

เพราะเมื่อก้าวถึงวันเลือกตั้ง ผู้ชุมนุมฝ่ายคัดค้านการเลือกตั้ง ทั้ง กปปส.และกลุ่มอื่นๆ ก็ย่อมทำทุกวิถีทางไม่ให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ในขณะที่รัฐบาลรักษาการก็มีความชอบธรรม ที่จะใช้กำลังจัดการ ผู้ฝ่าฝืน ด้วยข้อหากบฏ คนเสื้อแดงในร่างเสื้อขาวสายฮาร์คคอร์ ก็จะเข้าผสมโรง ด้วยความฮึกเหิม และด้วยความมั่นใจว่า รัฐบาลรักษาการจะปกป้องคุ้มครองพวกเขาได้ 

มากหรือน้อย การหลั่งเลือดก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้

ในหล่มโคลนแห่งความยุ่งยากสับสนนี้ มีเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เท่านั้น ที่จะฉุดดึงสังคมไทยทั้งระบบขึ้นมาได้ แม้เพียงชั่วคราว ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ทุกสิ่งไหลไปสู่โศกนาฎกรรมแห่งแผ่นดินนี้อีกครั้ง

โดยอำนาจ กกต.กฎหมายรัฐธรรมนูญ กำหนดให้เป็นผู้กำกับ ดูแลรัฐบาลรักษาการอยู่แล้ว มิใช่ กกต.ส่วนหนึ่ง รัฐบาลส่วนหนึ่ง

รัฐธรรมนูญมาตรา 236 (2) ให้กกต.มีอำนาจวางระเบียบ เกี่ยวกับข้อห้ามในการปฎิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีขณะอยู่ในตำแหน่ง เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 181 แห่งรัฐธรรมนูญ หน้าที่ตามมาตรานี้ คือหน้าที่ทั้งปวงที่รัฐบาลรักษาการต้องปฎิบัติ เช่น ไม่กระทำการอันเป็นการใช้อำนาจแต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ไม่กระทำการอันเป็นผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไม่เป็นการกระทำอันมีผลเป็นการอนุมัติงบ และไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

ความหมาย ก็คือรัฐบาลรักษาการ คือรัฐบาลที่มีไว้เพื่อรอเวลาเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ มีแต่ตัวตนแต่ไม่มีอำนาจ ความหมายก็คือ กกต.คือองค์กรที่มีอำนาจเหนือรัฐบาล ในการกำกับดูแลให้ทำหน้าที่เฉพาะเรื่อง หรือจะไม่ให้ทำหน้าที่ใดๆ

กกต.จะใช้อำนาจมากน้อยเพียงใด จะตระหนักรู้ถึงหายนะของบ้านเมืองที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างไร หากจัดให้มีการเลือกตั้ง นาทีนี้ไม่มีเวลาเพียงพอแล้วที่จะตัดสินใจ

เมื่อรัฐบาลยังสำคัญผิดในอำนาจ เมื่อกกต.ไม่มีความหมายที่จะมีอยู่ ถ้าจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย โดยไม่หลั่งเลือดมิได้

ก็ไม่มีความจำเป็น ต้องมี กกต.ต่อไป


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 961  17 - 23 มกราคม 2557) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์