วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

นางสิงห์ ยิ่งลักษณ์ !?


 “..ครอบครัวดิฉันเป็นเหยื่อ ไม่มีใครอยากจะมายืนตรงนี้แล้วให้คนมาเกลียดทุกวัน แต่เราต้องรักษาประชาธิปไตย และอยากเห็นการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด” 

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตอบคำคล้ายคนตระกูลชินวัตร ถูกกลั่นแกล้ง รังแก และเธอต้องยอมทนเสียงก่นด่า อดทดอย่างใหญ่หลวงที่จะรักษาประชาธิปไตย รักษาและไปให้ถึงธงชัยแห่งการเลือกตั้งให้ได้ แม้จะแลกมาด้วยเลือดและน้ำตา แลกมาด้วยความรุนแรง และแลกกับชีวิต

เมื่อระเบิดโยนลงท่ามกลางผู้คนบนท้องถนน ไม่เลือกว่าที่นั่นเดินอยู่ด้วยเด็ก หรือผู้หญิง คนหนุ่มสาว หรือแก่เฒ่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็พร้อมที่จะเดินก้าวข้ามศพแล้ว ศพเล่า ไม่ว่าจากฝ่ายผู้ชุมนุมหรือตำรวจ เพียงเพื่อชัยชนะ 

มีบางถ้อยคำที่บอกว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ก่อการระดมไพร่พลจำนวนมากมาปิดกรุงเทพ เพิ่มระดับความกดดันจากการเดินไปยังสถานที่ราชการต่างๆ สร้างเงื่อนไขในการเผชิญหน้า จนผู้คนล้มตายทีละคน สองคน ในท้ายที่สุดแล้ว นี่คือการเชิญแขก เชิญทหารออกมาปฎิวัติ

หาไม่เลย แท้จริงคนที่ปรารถนาให้ทหารออกมาปฎิวัติ รัฐประหาร คือทักษิณ คือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และบรรดาลิ่วล้อของเขา

เขารู้ว่านาทีนี้การปฏิวัติ รัฐประหาร คือ “ยาหมดอายุ” หากทหารทนไม่ได้ ออกมาปฎิวัติ ไม่เพียงประชาชนทั่วไปเท่านั้นจะต่อต้าน หากแต่ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ก็จะได้ตอกย้ำข้อกล่าวหาของเขาให้หนักแน่นขึ้นสำหรับการต่อสู้ขอ กปปส. และสุเทพ เทือกสุบรรณ

และมันจะทำให้เห็นข้อแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่าง “การปฏิวัติ” ที่เป็นตัวแทนเผด็จการ กับ “การเลือกตั้ง” ที่เป็นสัญลักษณ์ประชาธิปไตย

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สร้างปาฏิหาริย์ ลงเลือกตั้งครั้งเดียว โดยอาศัยคะแนนเสียงพรรค และสามารถทะยานไปสู่ยอดพีระมิดที่นักการเมืองทุกคนปรารถนาได้ นั่นคือทำทุกวิถีทางที่จะให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ก้าวข้ามการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไปให้ได้ด้วยชัยชนะขั้นเด็ดขาด และพวกเขาก็ทำสำเร็จ ด้วยคะแนนเสียงที่เลือกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย คิดเป็น 44.72 % ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด

การเลือกตั้ง เลือกตั้ง และเลือกตั้ง จึงเป็นชิปที่ถูกฝังอยู่ในหัวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมายาวนาน นานจนกระทั่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฮึกเหิม สำคัญผิด และมั่นใจว่า การเลือกตั้งคืออาวุธสำคัญของเธอ ที่จะเอาชนะได้ทุกสิ่ง เหมือนที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกว่าการเลือกตั้งจะคลี่คลายปัญหาทั้งหมด

ทักษิณ ชินวัตร เคยใช้การเลือกตั้งฟอกตัวเขา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 จนได้รับชัยชนะ แต่เป็นชัยชนะที่ไม่ยืนยาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันนี้ ก็ไม่แตกต่างกัน การพิสูจน์ตัวเอง ชัยชนะของเธอ ต้องทำโดยผ่านแนวทางการเมือง คือการเลือกตั้งเท่านั้น

จึงเป็นที่มาของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เครื่องมือสำคัญที่จะฝ่าฟันไปให้ถึงวันเลือกตั้งให้ได้

พลันที่รัฐบาลประกาศ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ครอบคลุมทุกตารางนิ้วในการชุมนุมของ กปปส.มีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคมนี้ ยาวนานไปถึง 60 วัน ก็เกิดภาวะเผชิญหน้า เข้มข้น หนักหน่วงยิ่งขึ้น กดทับลงไปในสถานการณ์ ความรุนแรงที่เกิดกับผู้ชุมนุมทั้งที่ถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัย

ความท้าทายคล้ายที่กลุ่มคนเสื้อเหลือง ท้าทายอำนาจรัฐยุคสมัคร สุนทรเวช ที่ใช้อำนาจประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพียงชั่วข้ามคืน และต้องยกเลิกไป เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ขณะนั้น ยืนนิ่งๆ ไม่ใช้อำนาจจัดการกลุ่มผู้ชุมนุมตามความต้องการของรัฐบาล ครั้งนี้ก็เช่นกัน นอกจากสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เฉลิม อยู่บำรุง และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.แล้ว ไม่ปรากฏเงาร่างของ ผบ.เหล่าทัพ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเลย 

นั่นแปลว่า ในที่สุดแล้วก็คงมีเพียงกองกำลังตำรวจเท่านั้น ที่ยิ่งลักษณ์จะใช้เป็นมือเป็นเท้าในการจัดการผู้ชุมนุม กปปส. ด้วยความเด็ดขาดมากขึ้น ด้วยอำนาจที่เธอมีอย่างเบ็ดเสร็จตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

มีคนอธิบายว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ่อนหวานอย่างยิ่ง นุ่มนวลอย่างยิ่ง ใจเย็นและใช้วิธีประนีประนอมในการจัดการปัญหาอย่างละมุม ละม่อม ไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งหากนาทีนี้เป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงสงบราบคาบไปแล้วด้วยกำลังทหาร แต่มีอีกหลายคนที่บอกว่า ยิ่งลักษณ์ในภาพที่เห็น กับตัวตนความเป็นยิ่งลักษณ์นั้น โหดเหี้ยมอำมหิตไม่ต่างไปจากพี่ชาย ที่พร้อมจะเดินเหยียบลงไปบนคราบน้ำตา และร่างที่เกรอะกรังไปด้วยเลือด ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นพวกตนเอง หรือฝ่ายตรงข้าม 

การสุมหัวกันไม่กี่คน ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้อำนาจยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั้น คือการยื่นดาบให้นางสิงห์ร้าย

เนื่องเพราะคนๆเดียวจะมีอำนาจล้นฟ้า ในการสั่งการ ออกข้อกำหนดใดๆก็ได้ แม้จะเป็นข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่อาจเป็นการลิดรอนและจำกัดสิทธิ เสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ภายใต้ข้ออ้างว่าเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติโดยเร็ว หรือป้องกันมิให้เหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น 

นี่ย่อมคล้ายกับอำนาจของหัวหน้าคณะปฏิวัติ เมื่อมีการปฏิวัติ

นาทีนี้ อำนาจเต็มอยู่ในมือนางสิงห์แล้ว

อำนาจที่อาจแปรรูปเป็นความขัดแย้ง รุนแรงมากขึ้น และบางทีเวลาแห่งการนองเลือดอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดคิด 


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 961  17 - 23 มกราคม 2557) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์