วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เลือก เลือด !


ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) องค์กรอิสระที่มีอำนาจสูงสุดในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และสงบเรียบร้อย ก็ยอมศิโรราบให้ยิ่งลักษณ์ และทักษิณ ชินวัตร ลากประเทศไทยเข้าสู่เขตพื้นที่แห่งการฆ่า พื้นที่แห่งความสับสนวุ่นวาย โกลาหลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทั้งที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ตอกย้ำเหตุผลที่ไม่ควรจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์

 “..จะไม่สามารถประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้ง 125 ชื่อได้ เพราะจำเป็นต้องได้คะแนนจากทุกหน่วย และมีความเป็นไปได้ว่า จะใช้เวลา 4-6 เดือนกว่าจะได้ ส่วนอีก 375 เขต มีคนลงทะเบียนสองล้านคนแต่ใช้สิทธิได้แค่หนึ่งแสนคน กรณีนี้ กกต.จะจัดให้เลือกตั้งใหม่ในขณะที่เหตุการณ์สงบในช่วงปลายเดือน ก.พ. ถ้าสำเร็จคะแนนจะถูกส่งไปยังหน่วยต่างๆ และนับคะแนนรวมกัน” 

ไม่เพียงการสูญเสียเลือดเนื้อ ชีวิตและทรัพย์สินอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ซึ่งส่งสัญญาณมาจากการสังหารหน้าวัดศรีเอี่ยมเท่านั้น หากสิ่งที่เกิดขึ้นจากการดึงดันไปสู่วันเลือกตั้งยังมีอีกมากมาย โดยเฉพาะการที่การเมืองไทยจะเป็นอัมพาตไปจากวันที่เปิดหีบเลือกตั้ง ไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ประการแรกจำนวน ส.ส.จะไม่ถึงร้อยละ 95 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ซึ่งก็เท่ากับสภาผู้แทนทำงานไม่ได้ ยกเว้นจะมีการจัดการให้ครบตามจำนวน ภายใน 180 วัน หรือราว หกเดือน ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 93 เมื่อสภาทำหน้าที่ไม่ได้ ก็เลือกประธานไม่ได้ เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งประธานสภาจะต้องเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ก็ทำไม่ได้ เมื่อไม่มีนายกรัฐมนตรี ก็ไม่มีรัฐบาล มีเพียงรัฐบาลรักษาการ ที่คนกลุ่มหนึ่งประกาศว่าหมดความชอบธรรมแล้ว

ฉะนั้น ไม่ว่ามองในมิติไหน ทั้งในเรื่องความวุ่นวาย การเลือกตั้งไปแล้วก็ไม่สามารถทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อได้ อีกทั้งการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ 3,600 ล้านบาท ในการจัดการเลือกตั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการเลือกตั้งที่เสียของโดยแท้ 

ถึงกระนั้นนายสมชัย ก็กลับสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างยิ่ง เมื่อรัฐบาลยืนกรานว่า ต้องเดินหน้าสู่วันเลือกตั้ง

ไม่ต้องคิดหวังว่า รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเห็นเลือด เห็นเนื้อของพี่น้องร่วมชาติสำคัญไปกว่าโคตรเหง้าตระกูลชินวัตร ผลประโยชน์ และความพยายามที่จะกลับมาเถลิงอำนาจของทักษิณ ชินวัตร

ในท่ามกลางความมืดมนอนธกาลของแผ่นดิน และการเดินหน้าไปสู่การสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างประเมินค่ามิได้ มีแต่ กกต.เท่านั้น ที่จะเป็นทางออกของชาติ หากไม่ปรารถนาจะได้ชื่อว่าเป็น กกต.เลือด จัดการเลือกตั้งท่ามกลางกองเลือด และเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่จะเป็นโมฆะในที่สุด การเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การฟ้องร้องคดีมากมาย รวมทั้งการเลือกตั้งที่ผิดกฎหมาย และ กกต.ทั้งคณะ จะได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดที่สุด ยิ่งกว่ากกต.ชุด 3 หนา พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ หลายเท่า 

ถ้อยคำของนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.อดีตผู้พิพากษาอาวุโส ศาลฎีกา ซึ่งเจเค เคยเคารพนับถือ นับว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ถ้อยคำที่สะท้อนถึงความเห็นแก่อำนาจ และผลประโยชน์ส่วนตน มากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยนาทีนี้ วิธีการที่จะถอดสลักระเบิดออกได้ แม้เพียงชั่วคราว คือกกต.คนใด คนหนึ่งหรือทั้งคณะต้องลาออก เพื่อไม่ให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น

 “ยืนยันว่ากกต.ไม่ท้อและไม่ถอดใจลาออกแน่นอน เพราะได้อาสาเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นกกต.แล้ว เจอปัญหาเพียงแค่นี้แล้วลาออกจะไปแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้อย่างไร เมื่อรัฐบาลให้เดินหน้าจัดการเลือกตั้ง กกต.ก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่” 

เมื่อกระสุนลั่นเข้าใส่สุทิน ธราทิน ความสงบสุขก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกต่อไป

นาทีนี้ไม่เพียงรัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมือเปื้อนเลือดเท่านั้น หาก กกต.ทั้งคณะที่กอดรัดอำนาจและผลประโยชน์ ไม่ยอมเปิดหูเปิดตามองหายนะและสังคมไทยที่กำลังเคลื่อนเข้าสู่กลียุค ด้วยการจัดการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม ก็แปดเปื้อนไปด้วย 


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 963  31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ 2557) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์