แม้ศาลแพ่งจะวินิจฉัย
การมีอยู่ต่อไปของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)
ด้วยเห็นว่า เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร อันสอดรับกับคำแถลงปิดคดีที่ธาริต เพ็งดิษฐ์
ยื่นต่อศาลว่าในสมัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ศาลยังมีคำวินิจฉัยว่า อำนาจการตรา
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นอำนาจฝ่ายบริหาร แต่ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ก็คือ
คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวท้ายคำวินิจฉัย
ที่ลิดรอนอำนาจทุกข้อที่กฎหมายให้อำนาจนายกรัฐมนตรีที่จะออกข้อกำหนด
เพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่รัฐบาลเรียกว่าฉุกเฉินอย่างยิ่ง
แปลว่า ถึงแม้ยังมี
ศรส.แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องมียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เพราะจำเลยทั้งสามคนจะสิ้นสภาพการใช้อำนาจตาม
พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปโดยปริยาย
ศาลพิพากษาว่า
ห้ามจำเลยทั้งสามนำประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงมาใช้บังคับ เพื่อจะออกประกาศและข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
โดยให้ข้อบังคับตามประกาศและข้อกำหนดดังกล่าวไม่มีผลบังคับต่อโจทก์และประชาชนนับแต่วันที่ 21 ม.ค.2557
รวมทั้งไม่ให้จำเลยทั้งสามกระทำการดังต่อไปนี้ รวม 9 ข้อ
ประกอบด้วย 1. ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามใช้หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ใช้กำลังและหรืออาวุธเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์และประชาชน
ที่ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ม.63 วรรคหนึ่ง 2.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามมีคำสั่งยึดหรืออายัดสินค้า
เครื่องอุบโภคบริโภค เคมีภัณฑ์ หรือวัตถุอื่นใดที่ได้ใช้หรือจะใช้สิ่งนั้น เพื่อการกระทำการหรือสนับสนุนของโจทก์และประชาชน
3.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามออกคำสั่งตรวจค้น รื้อ ถอน
หรือทำลายซึ่งอาคารสิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งกีดขวางของโจทก์และประชาชน
4. ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามสั่งการ
ให้การซื้อขาย ใช้ หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าเวชภัณฑ์ เครื่องอุปโภคบริโภค
เคมีภัณฑ์ หรือวัสดุอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งอาจใช้ในการชุมนุมของโจทก์และประชาชน
5.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามสั่งการ ห้ามกระทำการอย่างใดๆ
ที่เป็นการปิดการจราจร ปิดเส้นทางคมนาคม หรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้ไม่อาจใช้เส้นทางคมนาคมได้ตามปกติในทุกเขตพื้นที่ที่โจทก์และประชาชนใช้ในการชุมนุม
6.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามประกาศกำหนดพื้นที่ที่ห้ามมีการชุมนุมของโจทก์และประชาชนตั้งแต่
5 คนขึ้นไป 7.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามสั่งการห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ
หรือกำหนดเงื่อนไขในการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะของโจทก์และประชาชนในการชุมนุม
8.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามสั่งห้ามโจทก์และประชาชนใช้อาคาร หรือเข้าไป
หรืออยู่ในสถานที่ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ใดๆ และ 9.ห้ามมิให้จำเลยทั้งสามสั่งห้ามให้อพยพโจทก์และประชาชนออกจากพื้นที่การชุมนุม
และห้ามมิให้ออกคำสั่งห้ามโจทก์และประชาชนเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม
คำวินิจฉัยตอนต้น
ที่ยืนยันอำนาจในการตรา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาล อาจทำให้เฉลิม อยู่บำรุง ลิงโลดไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่เมื่อฟังต่อถึงเงื่อนไขในการห้ามใช้ข้อกำหนด โดยเฉพาะในการสลายการชุมนุม
ซึ่งศาลชี้ว่า เป็นการใช้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ
ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ผอ.ศรส.ก็อาจต้องเก็บเสื้อผ้ากลับบ้าน
เพราะไม่มีงานที่จะข่มขู่ คุกคามใครได้อีก
แม้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณและพวก ยังไม่พ้นพงหนามในคดีที่มีการออกหมายจับก่อนหน้านี้
รวมทั้งการเข้าสู่กระบวนการทางศาลในคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 แต่คำสั่งคุ้มครองของศาล
ก็เท่ากับชัยชนะของผู้ชุมนุมที่ยังมีพลังอำนาจในการกดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ต่อไป
เกมชิงไหวชิงพริบ ท้าชกกันระหว่างสุเทพ เทือกสุบรรณ และร.ต.อ.เฉลิม
อยู่บำรุง ไม่ได้จบลงเพราะการสิ้นสภาพบังคับใช้ ของ พ.ร.ก. เพราะกว่าศาลจะวินิจฉัย
หลายชีวิตต้องจากไป โดยไม่แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด
ชายนิรนามยังมีบทบาทสำคัญในสมรภูมินี้
พวกเขาเป็นใคร และจะมาปรากฏตัวอีกเมื่อใด ยังเป็นฉากที่จบไม่ลงในสงครามครั้งนี้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 966 ประจำวันที่ 21-27 กุมภาพันธ์ 2557)