วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รวบหลานสะใภ้โหด มีดปาดคอย่า ทะเลาะแย่งโฉนด


ตำรวจรวบฆาตรกรฆ่าปาดคอแม่เฒ่า ที่แท้หลานสะใภ้ลงมือเอง เหตุโกรธแค้นเรื่องทรัพย์สิน หลังก่อเหตุสร้างเรื่องว่าตัวเองออกไปเติมเงินโทรศัพท์ และใส่ร้ายเพื่อนบ้านใกล้เคียง สุดท้ายหนีกรรมที่ก่อไว้ไม่รอด

หลังจากเกิดเหตุคนร้ายบุกฆ่านางเปง แจ้คำ อายุ 63 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตในบ้านพักเลขที่ 313/1 บ้านกล้วยหลวง ม.1 ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง  โดยสภาพศพซี่โครงหักหลายซี่ ถูกของมีคนปาดคอและตามลำตัวหลายแห่ง สอบสวน น.ส.ภรณ์ทิพย์ อุ่นศิริ อายุ 24 ปี หลานสะใภ้ที่พักอาศัยอยู่กับผู้ตายให้การว่าตนเองได้ออกไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือเพียง 10 นาที กลับมาพบศพผู้ตายพร้อมลูกชายของตนวัยขวบเศษนั่งร้องไห้อยู่ข้างศพ และได้ให้การพาดพิงไปถึงชายเพื่อนบ้านที่มาทำงานมัดกระเทียมกับผู้ตายว่าเข้ามาที่บ้านก่อนผู้ตายจะเสียชีวิต เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวชายผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบสวนอย่างละเอียด พร้อมกับตรวจสอบลายนิ้วมือ คราบเลือดต่างๆ แต่ไม่พบพิรุธและความผิดปกติแต่อย่างใดจึงได้ปล่อยตัวไป  ทั้งนี้ ในครั้งแรกเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวน น.ส.ภรณ์ทิพย์ หลานสะใภ้ของผู้ตายด้วย แต่ไม่พบพิรุธเช่นกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสืบหาข้อเท็จจริงจนพบพยานปากสำคัญยืนยันว่าวันเกิดเหตุมีคนพบเห็น น.ส.ภรณ์ทิพย์ อยู่ในบ้านกับผู้ตาย ไม่ได้ออกไปเติมเงินโทรศัพท์ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และเห็นว่าอุ้มลูกชายถือมีดออกมาจากบ้าน  ดังนั้นวันที่ 26 ก.พ.จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับจากศาลจังหวัดลำปาง นำตัวมาสอบสวนอีกครั้ง กระทั่ง น.ส.ภรณ์ทิพย์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางเปงด้วยตนเอง

จากนั้นเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 57 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง  พ.ต.อ.ฐนกร คุ้มวงค์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง ได้นำตัว น.ส.ภรณ์ทิพย์ อุ่นศิริ อายุ 24 ปี  ราษฎร ต.ศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พร้อมของกลางเป็น มีด และเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ห้องประชุม ชั้น 2 สภ.เมืองลำปาง 

น.ส.ภรณ์ทิพย์ อุ่นศิริ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุนางเปงได้ถามหาโฉนดบ้าน แต่ตนไม่ยอมเอาให้จึงทะเลาะกัน นางเปงได้เดินออกจากบ้านไปหยิบมีดเข้ามาหาและพยายามจะทำร้าย ตนจึงได้หยิบเก้าอี้ไม้ที่อยู่ในห้องฟาดไปที่นางเปงหลายครั้งจนล้มลง จากนั้นได้เข้าไปคร่มตัวนางเปงและใช้มือปิดปากไม่ให้ส่งเสียง แต่ถูกกัดที่มือจึงเกิดความโมโห สะบัดมือหลุดจากปากออกมาได้จึงแย่งมีดมาจากนางเปงและฟันไปตามร่างกายของนางเปงหลายครั้งจนเสียชีวิต และได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกุเรื่องว่าตนเองออกไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือและมาพบศพดังกล่าว  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับเหตุการณ์ฆ่าโหดครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 24 ก.พ.57 ร.ต.ท.ณรงค์ อินตา พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายที่บ้านเลขที่ 313/1 บ้านกล้วยหลวง ม.1 ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง  จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยอัมรินทร์ เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ร่วมตรวจสอบ จากนั้นจึงได้เดินทางไปที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.ฐนกรณ์ คุ้มวงค์  ผกก.สภ.เมืองลำปาง  ร.ต.อ.ฐาปกรณ์ วงค์เสนา สวป. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณห้องโถงกลางบ้านพบศพ นางเปง แจ้คำ 63 ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อแขนกุมสีน้ำเงิน สวมผ้าซิ่นถลกขึ้นมาบนต้นขา  ภายในบ้านไม่พบร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด จากการตรวจสอบตามร่างกายของผู้ตายพบว่าถูกของมีคมปาดคอและฟันตามร่างกายหลายแผล 

น.ส.ภรทิพย์ อุ่นศิริ อายุ 24 ปี หลานสะใภ้ผู้พบศพ ให้การว่า ที่บ้านมีอาชีพมัดหอมแดงและกระเทียมขาย ก่อนเกิดเหตุ ตนกับผู้ตายนั่งมัดทำหอมกันมาทั้งวัน จากนั้นผู้ตายเข้าไปนั่งเล่นกับหลานภายในบ้าน ตนจึงเดินออกไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือที่ร้านค้าใกล้ๆบ้าน ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปกลับประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เมื่อกลับมาก็มาพบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน โดยที่มีเลือดไหลนองพื้นเต็มไปหมด ส่วนลูกชายของตนก็นั่งร้องไห้กอดศพอยู่ ตนรีบเข้าไปอุ้มลูกออกมาและตรวจดูบาดแผลที่ตัวลูกเพราะเห็นว่าที่ตัวลูกเปื้อนคราบเลือดเต็มไปหมด แต่พบว่าบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อยบริเวณหน้าผากปูดบวมเท่านั้น จากนั้นก็โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงให้การว่า เกิดเหตุได้ยินเสียงผู้ตายกับหลายชายร้องเสียงดัง ไม่นานก็เงียบหายไป จนกระทั่งหลานสะใภ้กลับมาพบศพ

โดยเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นการฆาตกรรมยังคงตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ การชิงทรัพย์ และความแค้นส่วนตัว  เนื่องจากผู้ตายจะมีทรัพย์สินเก็บไว้เป็นสร้อยคอทองคำ 2 บาท และไม่มีใครรู้ว่าเก็บไว้ที่ใด แต่เนื่องจากในบ้านไม่มีร่องรอยการถูกรื้อค้นจึงยังไม่มั่นใจว่าคนร้ายได้ชิงสร้อยทองไปหรือไม่ ทางเพื่อนบ้านจะเข้ามาช่วยกันทำความสะอาดและค้นหาสร้อยทองดังกล่าว  อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องความแค้นส่วนตัว เพราะจากสภาพศพแล้ว ผู้ตายถูกทำร้ายจนกระดูกซี่โครงหัก และบาดแผลถูกฟันหลายแห่ง  โดยหลานสะใภ้ได้ให้การว่า ก่อนจะถูกฆ่าตายมีผู้พบเห็นว่าผู้ตายทะเลาะกับเพื่อนบ้านชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนหนึ่งที่มาทำงานมัดกระเทียมด้วยกัน ซึ่งมีปากเสียงกันค่อนข้างรุนแรง ก่อนที่ชายคนนั้นจะกลับบ้านไปซึ่งไม่ไกลจากบ้านของผู้ตายมากนัก  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบสวน ตรวจสอบลายนิ้วมือ ชิ้นเนื้อ คราบเลือด เพื่อส่งตรวจสอบทางนิติเวช จนกระทั่งพบพยานปากสำคัญยืนยันว่าเห็นหลานสะใภ้อยู่บ้านกับผู้ตายก่อนจะเสียชีวิต จึงสาวไปถึงฆาตกรตัวจริงหรือหลานสะใภ้ของผู้ตายเองนั่นเอง


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 967  ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2557)   
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์