ตำรวจเกาะคาพบกระเป๋าเดินทางปริศนาทิ้งข้างทาง
เปิดดูตะลึงพบยาบ้า
4 แสนกว่าเม็ด เฮโรอีนอีก 800 กรัม
มีทั้งของเครือข่ายยี่เซ ไทยใหญ่ และว้า
เตรียมออกหมายจับผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
เมื่อวันที่ 13
มี.ค.57 เวลาประมาณ 23.30 น. ขณะที่ ร.ต.ท.ปรีชา
คำศรีใจ รอง สว.ปป.สภ.เกาะคา หัวหน้าจุดตรวจ พร้อมด้วย ร.ต.ต.นพดล ปันทา รอง สวป.
และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ร่วมกันตั้งจุดตรวจ จุดสกัด บริเวณจุดตรวจหลังเทิร์น
ถ.ลำปาง-กรุงเทพฯ ขาล่อง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการปราบปรามยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมาย
ได้มีรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ตธ 8468 กรุงเทพมหานคร ขับผ่านมาจึงได้เรียกตรวจรถยนต์คันดังกล่าว โดยมีนายสิทธิชัย สร้างสิริมงคล อยู่บ้านเลขที่
105 หมู่ 9 ต.ปอ อ.เวียงแก่น
จ.เชียงราย เป็นคนขับได้แสดงท่าทางพิรุธ เมื่อค้นตามร่างกายพบเพียงโทรศัพท์มือถือ
3 เครื่อง จึงได้เชิญตัวมาตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย
แต่ไม่พบทั้งสิ่งของผิดกฎหมายและสารเสพติดแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่าช่วงที่นายสิทธิชัยได้ขอเข้าห้องน้ำได้คุยโทรศัพท์อยู่พักหนึ่งและรีบวางสายไป
แต่ก็ต้องปล่อยตัวนายสิทธิชัยไปเนื่องจากไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบนายสิทธิชัยอยู่นั้น
ได้มีรถยนต์เก๋งสันนิษฐานว่าเป็นรถยี่ห้อโตโยต้าวีออสคันหนึ่งขับตามมาห่างๆ
และจอดข้างทางไม่ยอมขับผ่านด่าน เมื่อเจ้าหน้าที่จะเดินเข้าไปหาก็ได้รีบออกรถและกลับรถไปตามเส้นทางขาเข้าเมืองลำปางทันที
จากนั้น ร.ต.ต.นพดล ปันทา จึงได้เดินไปตรวจสอบจุดที่รถเก๋งจอดก่อนหน้านี้
ก็พบว่าบริเวณร่องน้ำข้างทางมีกระเป๋าเดินทางล้อลากขนาดใหญ่ตกอยู่
เมื่อตรวจสอบภายในพบห่อยาบ้าจำนวนมาก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาเช้าวันที่ 14 มี.ค.พ.ต.อ.พิศุปกรณ์ น้อยปักษา
ผกก.สภ.เกาะคา พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน
จึงได้เดินทางเข้าตรวจสอบจุดที่พบกระเป๋าอย่างละเอียดอีกครั้ง
จนกระทั่งพบกระเป๋าเดินทางอีก 1 ใบถูกลากเข้าไปทิ้งไว้ในป่าข้างทาง
ห่างจากจุดแรกไมมากนัก ภายในมีกระเป๋าเดินทางใบเล็กอยู่อีก 1
ใบ บรรจุยาบ้าอยู่เต็มกระเป๋า เมื่อทำการตรวจนับทั้งหมดพบว่ามียาบ้าทั้งหมด 442,000 เม็ด และเฮโรอีนอัดแท่งจำนวน 2 แท่งน้ำหนัก 800
กรัม
จากนั้นเวลา 13.30
น. พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยนายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
พ.ต.อ.พิศุปกรณ์ น้อยปักษา ผกก.สภ.เกาะคา
ได้ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าจำนวน 442,000 เม็ด
และเฮโรอีนอัดแท่งน้ำหนัก 800 กรัม ที่ด้านหน้า สภ.เกาะคา
ซึ่งยาเสพติดที่จับกุมได้ในครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท
พล.ต.ต.ชำนาญ
รวดเร็ว กล่าวว่า ยาบ้าที่พบในครั้งนี้มาจากแหล่งที่มาถึง 3 แหล่งด้วยกันซึ่งยาบ้าที่มีสัญลักษณ์เป็นตรามือจะเป็นเครือข่ายพันโทยี่เซ ตรา 999 OK เป็นของกลุ่มไทยใหญ่ และตราสิงโตเหยียบลูกโลกจะเป็นของกลุ่มว้า
ซึ่งเป็นยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่แถบจังหวัดตะเข็บชายแดน
ถึงแม้จะจับกุมได้จำนวนมากและต่อเนื่อง
แต่ทางกลุ่มผลิตก็ยังไม่เกรงกลัวและคาดว่าผลิตเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า
จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตภาคเหนือว่าจะต้องเข้มงวดในการตรวจสอบการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้ผ่านออกไปได้
สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้พอจะสืบทราบแล้วว่าเป็นใคร
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ออกหมายจับและนำตัวมาขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด
ต่อมาวันที่ 15
มี.ค.2557 เวลาประมาณ
02.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้จับกุมตัว นายบุญมี
นะรินทร์ อยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ 11 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และนายแดง
มองเมิง ที่อยู่ 2/ช หมู่ 11 ต.เชียงดาว
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า ประมาณ 102,000 เม็ด ถนนไฮเวย์ลำปาง - เชียงใหม่ ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
นำตัวมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และรับตัวไปดำเนินคดีที่ บช.ปส. ความผิดฐาน ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)
ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
และวันที่ 16
มี.ค.57 ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 1
จับขบวนการค้ายาบ้าจากชาวเขาเผ่าเย้า ยึดยาบ้า 1 แสนเม็ด
ขณะเตรียมส่งเอเย่นต์ในพระนครศรีอยุธยา โดยสามารถจับกุม นายอำพล ธิการ และนางณฤมลณ์ สุตินคำ ได้บริเวณปั๊มบางจาก
สาขาพิชัย ตำบลพิชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
พร้อมยาบ้า 1 แสนเม็ด หลังสืบทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติด
เตรียมลักลอบขนส่งยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายภายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเฉพาะพระนครศรีอยุธยา
ที่ยาบ้ากำลังขาดแคลน โดยชุดสืบสวนติดต่อล่อซื้อและนัดรับส่งของในพื้นที่จังหวัดลำปาง
ก่อนผู้ต้องหาทั้งสองคนจะขับรถยนต์ยี่ห้ออิซูซุ ทะเบียน บพ 4777ลำปาง
จึงแสดงตัวเข้าจับกุม สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพรับจ้างขนส่งยาบ้าได้ค่าจ้างครั้งละ
2 แสนบาท สำหรับยาบ้าล๊อตดังกล่าว เป็นของชาวเขาเผ่าเย้า ในพื้นที่อำเภอแจ้ห่ม
จังหวัดลำปาง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 970 ประจำวันที่ 21 - 27 มีนาคม 2557)