วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557

โยนยาบ้าเข้าเรือนจำ มีนาคมเจอแล้ว 6 ครั้ง



ขบวนการยาเสพติดเอาอีก โยนยาบ้ากว่า400เม็ดเข้าเรือนจำกลางลำปาง โชคดีติดตาข่าย เผยในรอบเดือนที่ผ่านมาเกิดเหตุถึง 4 ครั้งแล้ว              

เมื่อเวลาประมาณ 13.00น.วันที่ 22 มี.ค.57 ร.ต.ท.สุรเชษฐ์ สุริมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งจากนายสมศักดิ์ เขียวอ่อน ผอ.ส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง รักษาการ ผบ.เรือนจำกลางลำปาง ว่ามีคนนำสิ่งของต้องสงสัยว่าจะเป็นยาบ้าขว้างข้ามกำแพงเรือนจำแต่สิ่งของดังกล่าวติดตาข่ายจึงตกอยู่ข้างกำแพง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยออกไปทำการสอบสวนด้วย หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำปางจำนวนหนึ่งรุดออกไปตามที่ได้รับแจ้ง พบว่าเป็นก้อนดินน้ำมันขนาดเท่าลูกเทนนิส พันด้วยเทปกาวสีดำย่างดีน้ำหนักประมาณ 6-7 ขีด ตกอยู่ข้างกำแพงเรือนจำติดกับบ้านพักของเจ้าหน้าที่เรือนจำ เลขที่ 223 ถ.พหลโยธิน ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง จึงได้ทำบันทึกเอาไว้เพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง เป็นผู้ตรวจสอบว่าข้างในเป็นยาบ้าหรือเฮโรอีนกันแน่  หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวไปตรวจสอบที่ สภ.เมืองลำปาง พบเป็นยาบ้าจำนวน 2 ถุง บรรจุในถุงสีฟ้า โดยมีดินน้ำมันหุ้มทับอีกชั้นหนึ่ง นับได้จำนวนทั้งสิ้น 400 เม็ด

จากการสอบถามนายศมศักดิ์ เขียวอ่อน รักษาการ ผบ.เรือนจำกลางลำปางทราบว่า ก่อนที่เกิดเหตุได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ รปภ.ว่ามีพบเห็นวัยรุ่น 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าโซนิค ขนาด 125 ซีซี สีน้ำเงินดำ จำได้ไม่แน่ชัดว่าเป็นหมายเลขทะเบียน 411 หรือ 511 ลำปาง โดยวัยรุ่นทั้ง 2 คน ขับขี่รถย้อนศรมาทางปั้มน้ำมัน จนมาถึงหน้าบ้านพักของของเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ติดกับกำแพงเรือนจำ จากนั้นชายคนซ้อนท้ายซึ่งจำได้ว่าสวมเสื้อแจ็กเก๊ตสีครีมก็กระโดดลงจากรถแล้วขว้างสิ่งของสุดแรงหวังจะให้ข้ามแพงเรือนจำไปตกลงบริเวณส่วนหย่อมซึ่งเป็นสถานที่นั่งพักผ่อนของนักโทษในแดน 1 แต่สิ่งของดังกล่าวไปติดรั้วตาข่าย ที่ทางเรือนนำมาขึงอยู่เหนือกำแพง สิ่งของต้องห้ามจึงเด้งตกลงมาติกค้างอยู่ในซอกกำแพงของบ้านพัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าเรือนจำ คาดว่าจะจับภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด

นายสมศักดิ์ เขียวอ่อน กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ของเรือนจำสามารถตรวจค้นพบสิ่งของต้องสงสัยที่มีคนนำมาโยนผ่านกำแพงเรืองจำได้กว่า 10 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะพบว่าเป็นยาบ้าทั้งหมดซึ่งหากรวมๆกันแล้วเจ้าหน้าที่ฯสามารถตรวจจับได้มากกว่า 1,000 เม็ด แล้วแต่ที่ไม่เป็นข่าวก็เนื่องจากเราไม่อยากจะให้เรื่องบานปลายใหญ่โต และต้องการที่จะสืบสวนหาตัวผู้ต้องขังในเรือนจำที่สั่งยาบ้าจากผู้ร่วมขบวนการที่ข้างนอกนอกส่งเข้ามาขายในเรือนจำ เนื่องจากพบว่า เมื่อยาบ้าหลุดรอดเข้าไปถึงมือของเครือข่ายภายในแล้ว ยาบ้าจะมีราคาสูงถึงเม็ดละ 500 ถึง 700 บาท แต่หากว่าเป็นจำพวกไฟเช็คแก็สแล้วก็จะตกอยู่ที่อันละ 2,000 ถึง 2,500 บาท เลยทีเดียว แต่มาระยะหลังนี้ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมจนถึงขณธนี้ก็พบว่าเครือข่ายยาบ้านอกเรือนจำพยายามที่จะส่งเข้ามาแล้วถึง 6 ครั้งด้วยกัน แต่การขว้างของเข้ามาทุกครั้งก็มักจะไปติดตาข่ายที่เรานำไปขึงกันอยู่เหนือกำแพงทุกครั้งไป ส่วนการสืบหาตัวผู้ต้องขังที่สั่งของเข้ามาก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากขณะนี้ทางเรือนจำมีการควบคุมผู้ต้องขังในคดียาบ้ารายสำคัญเอาไว้หลายคน อย่างเช่น อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจเก่าที่ต้องคดีจำหน่ายบ้า ซึ่งทุกคนจะรู้จักกันในนาม จ่าใน หรือ ต๊ะพันล่า โจ้บ้านไร่ อาร์รัษฎา อั๋นซามู และแจ๊กพิจิตร เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนจะอยู่ในชั้นหัวกระทิที่ผู้คุมเรือนจำต้องจับตามองเอาไว้เป็นพิเศษ และก็คาดว่าสิ่งของที่ถูกส่งเข้ามานั้นจะเป็นของผู้ต้องขังไม่รายใดก็รายหนึ่งอย่างแน่นอนแต่เรายังไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ในขณะนี้    
         

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 971 ประจำวันที่ 28 มีนาคม - 3 มีนาคม 2557) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์