วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

หนุ่มเพี้ยนยิงเพื่อน อาการโคม่า อ้างหูแว่วถูกท้าทาย



เพื่อนนักศึกษาเพี้ยนหนักนั่งดื่มสุราอยู่ด้วยกันดีๆ พอแยกย้ายกันจะกลับบ้านขับรถตามไปจ่อยิงโดยไม่มีสาเหตุ หัวกระสุนฝังในอาการสาหัส ต่อมาพ่อพาเข้ามอบตัว เผยมีอาการทางประสาท สารภาพว่าเกิดอาการหูแว่วว่าถูกท้าทายอยู่ตลอดเวลา จึงขับรถตามไปยิงคาไฟแดงก่อนจะขับรถหลบหนีไปหาเพื่อนที่ จ.เชียงใหม่ และโทรศัพท์หาพ่อให้พาเข้ามอบตัว         

เมื่อเวลา 01.45 น.วันที่ 3 มี.ค.57 ร.ต.อ.วิจารณ์ คำอ่อง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลลำปางว่า ได้รับตัวคนถูกยิงมาจากถนนดวงรัตน์ (แยกเพ็ญทรัพย์) ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลำปาง 1 ราย มีอาการสาหัส จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยออกไปทำการสอบสวนด้วย หลังรับแจ้งจึงแจ้งให้ ออกไปทำการตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองฯ พบผู้ที่ได้รับบาดเจ็บชื่อนายเอกวัฒน์ ศรีทรง อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ ม.ราชภัฎลำปาง บ้านอยู่เลขที่ 46/1 ซ.6 ศรีชุมป่าไผ่ ถ.ลำปางแม่ทะ อ.เมืองลำปาง ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หลังกกหูขวา 1 นัด กระสุนฝังในอาการสาหัส แพทย์ยังไม่สามารถจะผ่าเอาหัวกระสุนออกมาได้ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุทราบจากเพื่อนๆของผู้บาดเจ็บว่าชื่อนายจักรี เจริญยิ่ง อายุ 25 ปี  เป็นนักศึกษา คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน  มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ ถนนรอบเวียง ต.สวนดอก อ.เมืองลำปาง  หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า โคโรน่า สีเขียว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนหลบหนีไปทางสี่แยกโรงแรมเวียงทอง      

จากการสอบถาม นายคฑาวุธ ธรรมชัยกุล อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 137 ม.9 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตั้งแต่เย็นวันที่ 2 มี.ค.57 ตนเองพร้อมด้วยนายภูธนาท ไล้เลิศ อายุ 28 ปี เพื่อนรุ่นพี่  น.ส.ชัญญา สุจารี อายุ 25 ปี  และนายจักรกรี เจริญยิ่ง ผู้ก่อเหตุ ได้ไปเที่ยวหานายเอกวัฒน์ ที่ร้ายกาแฟโอชา ตั้งอยู่ที่ถนนดวงรัตน์ ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งนายเอกวัฒน์ไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในร้าน หลังเลิกงานทางร้านก็ปรับเปลี่ยนหน้าร้านให้เป็นร้านจำหน่ายสุราอาหารต่อ ซึ่งทั้งหมดก็ยังคงนั่งดื่มกินกันต่อในร้านจนร้านปิดทุกคนก็ยังคงนั่งพูดคุยกันต่อ  โดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันแต่อย่างใด จากนั้นต่างก็จะแยกย้ายกันกลับบ้านโดยที่นายเอกวัฒน์ คนเจ็บและ น.ส.ชัญญา พากันนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อที่จะไปหาซื้ออาหารกินกันต่อที่ตลาดอัศวิน และขณะที่ทั้ง 2 คนขับขี่รถออกจากร้านมาจอดรอสัญญาณไฟอยู่บริเวณสี่แยกซึ่งก็ไม่ไกลจากร้านมากนัก นายจักรี ก็ขับขี่รถยนต์เก๋งคันดังกล่าวมาจอดเทียบที่ข้างรถจักรยานยนต์ของนายเอกวัฒน์ พร้อมกับหยิบอาวุธปืนไม่ทราบขนาดออกมาจ่อยิงเข้าที่หลังกกหูขวาโดยไม่ทราบสาเหตุ 1 นัด จนนายเอกวัฒน์พลัดตกจากรถลงไปนอนกับพื้นถนน จากนั้นนายจักรีก็ขับรถออกไป แต่ไม่นานก็เลี้ยวรถกลับมาตะโกนบอกให้เพื่อนๆที่เห็นเหตุการณ์และกำลังตกตะลึงอยู่ช่วยกันนำตัวนายเอกวัฒน์ พาส่งโรงพยาบาลด้วย ก่อนจะเร่งเครื่องรถขับหลบหนีไปทางสี่แยกโรงแรมลำปางเวียงทองในทันที  

ซึ่งทางเพื่อนของผู้ก่อเหตุ ได้กล่าวเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตลอดเวลาที่คบกับนายจักรีมานั้นได้สังเกตว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาทอยู่เป็นบ่อยครั้ง คือมักจะชอบพูดคุยอยู่คนเดียวและมักบอกกับเพื่อนๆว่า ในหูมีคนคอยพูดคุยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่านายจักรี มีอาการทางประสาท จนญาติๆเคยพาไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลเชียงใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง หลังทำกานสอบสวนแล้วพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆก่อนจะขอศาลออกหมายจับตัวนายจักรี มาเพื่อสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป  

ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 มี.ค.57  นายจักรี เจริญยิ่ง อายุ 25 ปี ได้เดินทางมาที่ สภ.เมือง ลำปางพร้อมกับบิดา เพื่อเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน หลังก่อเหตุยิงนายเอกวัฒน์ ศรีทรง เข้าบริเวณกกหูขวา 1 นัด ขณะอาการยังโคม่านอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง

นายจักรี ให้การว่า ตนเพิ่งไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสวนปรุงเมื่อ 3 วันก่อนเพื่อรับยาคลายเครียดมากิน แต่กินไปแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้น ในวันเกิดเหตุเพื่อนๆได้ชวนมาดื่มเหล้าที่ร้านกาแฟโอชา ถ.ดวงรัตน์ ซึ่งช่วงเย็นได้เปิดเป็นร้านไวน์บริการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ขณะที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตนได้ยินเสียงแว่วอยู่ในหูตลอดเวลาถูกนายเอกวัฒน์ท้าทาย ขณะที่นายเอกวัฒน์ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปซื้อของ จึงได้ขับรถตามไปใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ กระสุนขนาด .32 ยิงออกไป 1 นัด จากนั้นได้ขับรถหลบหนีไปหาเพื่อนที่ จ.เชียงใหม่ และนำอาวุธปืนไปทิ้งแม่น้ำปิง บริเวณตลาดคำเที่ยง จากนั้นได้โทรศัพท์หาบิดา บิดาจึงไปรับและพามามอบตัว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นกับนายจักรี และไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยเจ้าหน้าที่จะได้ระดมกำลังทำการค้นหาอาวุธปืนที่นายจักรีนำไปทิ้งเสียก่อน และจะรวมรวบหลักฐานส่งฟ้องศาลต่อไป



(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 967  ประจำวันที่ 7 - 13 มีนาคม 2557)   
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์