วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

ชาวแพวิกฤติ จอกบุกสำเภาทอง ใช้เวลานาน ช.ม. ฝ่าเข้าฝั่ง


จอกหูหนูย้ายถิ่นแออัดเต็มน่านน้ำสำเภาทองจากฝั่งกว่า 10 เมตร ชาวแพโอดลำบากนำแพเข้าเกือบ 1 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังพบสาหร่ายเพิ่มมาอีก รวมวัชพืชถึง 3 สายพันธุ์ทำให้น้ำเริ่มเน่าเสีย ขณะที่ทางโครงการกิ่วลมฯ นำเรือกำจัดวัชพืชลงกำจัดจอกที่หน้าเขื่อนกิ่วลมแล้ว เตรียมย้ายไปกำจัดที่แพสำเภาทองสิ้นเดือนนี้

ลานนาโพสต์ยังคงติดตามปัญหาการเกิดจอกหูหนูในบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา กิ่วลม-กิ่วคอหมา ได้นำเรือกำจัดวัชพืชจากฝ่ายเรือขุดและเรือกำจัดวัชพืชที่ 7 จ.พิษณุโลก เข้ามาช่วยในการกำจัดจอกจำนวน 1 ลำ ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณหน้าเขื่อนกิ่วลมล่าสุดในวันที่ 24 เม.ย. 57 พบว่าจอกหูหนูที่เคยแออัดอยู่ด้านหน้าเขื่อนหายไปทั้งหมดแล้ว แต่ขณะเดียวกัน จอกหูหนูกลับสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการแพทางฝั่งด้านสำเภาทอง เนื่องจากยังคงมีจอกหูหนูลอยไปออหนาแน่นอยู่ริมฝั่งมาเป็นเวลานานกว่า 3 เดือนแล้ว และยังพบสาหร่ายอีก 2 สายพันธุ์ทำให้การเดินแพมีอุปสรรคอย่างมาก

นางศริญญา ไชยยะ เจ้าของแพหมูอาร์ต  เปิดเผยว่า ตอนนี้ผู้ประกอบการแพฝั่งสำเภาทองก็ยังประสบปัญหาหนักเกี่ยวกับจอกหูหนูอยู่ ซึ่งที่หน้าแพสำเภาทองมีจอกหูหนูมาอออยู่จากฝั่งออกไปกลางน้ำยาวกว่า 10 เมตร ถึงแม้จะยังมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง แต่การเข้าออกของแพลำบากมาก  โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่ต้องใช้เวลาเข้าออกแพนานกว่า 1 ชั่วโมง เพราะจอกได้เข้าไปติดอยู่ในใบพัด  นอกจากนั้นเรือหางยาวที่ออกไปหาปลาก็ประสบปัญหาวิ่งไม่ได้ ถ้าจอกเข้าไปติดในใบพัดก็จะทำให้เครื่องอืดและเร่งไม่ขึ้น

นางศริญญา กล่าวอีกว่า นอกจากปัญหาจอกหูหนูที่พบแล้ว ยังมีสาหร่ายเกิดขึ้นมาอีก 2 ชนิดมาเกาะเกี่ยวใบพัดและติดตามบันไดของแพ ซึ่งเป็นสาหร่ายที่อาศัยอยู่ในน้ำลึกมีทั้งแบบลอยน้ำและฝังรากในดิน ทั้งที่กลางน้ำลึกถึง 4 เมตร แต่สาหร่ายก็ยังเติบโตโผล่ขึ้นมาบนน้ำได้ ตรงนี้ก็เป็นอุปสรรคมากที่ใบพัดเรือจะไปเกี่ยวโดนสาหร่ายขึ้นมาอีก ซึ่งส่วนนี้ยังไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรได้

ตอนนี้ทราบว่าทางโครงการกิ่วลมฯได้นำเรือกำจัดวัชพืชมาช่วยกำจัดที่หน้าเขื่อน และจะอยู่นานหลายเดือน ล่าสุดได้ล่องแพไปหน้าเขื่อนก็เห็นว่าตรงจุดนั้นมีจอกอยู่ไม่มากแล้ว จึงอยากให้เข้ามาแก้ปัญหาที่สำเภาทองก่อน เพราะน้ำได้เริ่มเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็น อยากให้ช่วยเหลือพวกชาวแพทางฝั่งนี้ด้วย

ด้านนายฤทัย พัชรานุรักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา กิ่วลม-กิ่วคอหมา เปิดเผยว่า ทางโครงการฯได้รับเรือกำจัดวัชพืชมาแล้วจำนวน 1 ลำเมื่อวันที่ 22 เม.ย.  ซึ่งได้นำเรือลงเริ่มทำงานแล้ว โดยวิธีการทำงานของเรือนั้น เรือจะมีตะแกรงด้านหน้าและด้านหลัง โดยด้านหน้าจะไว้ใช้ตักวัชพืช มีสายพานลำเลียงไปเก็บไว้ในท้องเรือ เมื่อเต็มแล้วก็จะวิ่งขึ้นฝั่งและเปิดสายพานทำงานนำวัชพืชที่เก็บไว้ใต้ท้องเรือลำเลียงออกไปทางตะแกรงด้านหลังเรือเพื่อเอาวัชพืชขึ้นไปกำจัดบนฝั่ง  โดยในการตักครั้งหนึ่งจะสามารถเก็บจอกหูหนูได้ประมาณ 1.5 ตัน  ซึ่งตามแผนการทำงานกำหนดระยะเวลาไว้ 5 เดือน  ตอนนี้ทางหน้าเขื่อนปัญหาจอกหูหนูคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังมีอยู่ในช่วงกลางอ่างและแพฝั่งสำเภาทอง จึงจะเคลื่อนย้ายเรือไปในช่วงสิ้นเดือนนี้

เมื่อสอบถามถึงการหาสาเหตุการเกิดจอกหูหนู นายฤทัย กล่าวว่า จากการได้สำรวจทางต้นน้ำก็ไม่พบว่ามีแหล่งอาศัยของจอกแต่อย่างใด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากกรมชลประทานมาตรวจสอบดู ก็พบว่าลักษณะของจอกหูหนูแพร่กระจายได้ด้วยสปอร์ที่สามารถเกิดขึ้นได้หากสารอาหารภายในน้ำเอื้ออำนวย อาจจะมีสปอร์ปลิวตามลมมาจากที่ใดที่หนึ่ง และมาตกภายในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนกิ่วลม เมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมก็จะงอกเจริญเป็นหน่วยชีวิตใหม่ขยายพันธุ์ออกไปเรื่อยจนกระจายเป็นบริเวณกว้างดังกล่าว

“ทางเราได้พยายามที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองให้หมดก่อนในปีแรก ซึ่งเรามีเรือกำจัดวัชพืชที่ขอมาใช้งานได้อยู่ จึงนำเข้ามาดำเนินการก่อน หากไม่สำเร็จคงต้องขอความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆต่อไป เพราะได้มีการรายงานปัญหาไปยังจังหวัดให้รับทราบแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทางเราแก้ไขโดยเร่งด่วน”  ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา กิ่วลม-กิ่วคอหมา กล่าว

             
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์