วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ชาวนาฮึดสู้ แจ้งจับเจ้าหนี ยึดรถ-สมุดเงินฝาก-ลำปางรับแล้ว 290 ล้าน



ฝนตกทั่วฟ้า ชาวนาลำปาง 5,000 กว่าคนรับเงินจำนำข้าวแล้วกว่า 290 ล้านบาท ขณะที่เจ้าหนี้นอกระบบได้ทียึดรถ-สมุดบัญชีเงินฝาก ชาวนาฮึดสู้ยึดประกาศ คสช.ฉบับที่ 46 แจ้งความจับเจ้าหนี้


- ชาวนารอรับเงิน

            เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 28 พ.ค.57  ที่สำนักงาน ธ.ก.ส.สาขาลำปาง  นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พล.ต.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี  นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายสุวิทย์ เล็กกำแหง นายอำเภอเมืองลำปาง   นายประพันธ์ บุญเดช  ผอ.ธ.ก.ส.ลำปาง  ร่วมกันทำพิธีมอบเงินจำนำข้าวให้กับชาวนาในเขต อ.เมือง แม่ทะ และเกาะคา ประมาณ 1,600  ราย  โดยมีนายแก้ว คำกล้า ตัวแทนชาวนาจาก ต.นิคมพัฒนา กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า ดีใจมากที่ได้รับเงินในวันนี้ ขอบคุณ คสช.และทุกภาคส่วนทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร นายอำเภอ ธ.ก.ส.ฯลฯ ที่ให้การช่วยเหลือชาวนา หลังจากรอมานานกว่า 7 เดือน  ซึ่งบางคนต้องกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายไปก่อน  เมื่อได้เงินก็จะนำไปใช้หนี้ค่าปุ๋ย ค่าไถนา และค่าเทอมลูกหลาน ต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก

- ขอบคุณทหาร

            จากนั้นนายแก้ว เป็นตัวแทนกลุ่มชาวนามอบช่อดอกไม้ให้กับ พล.ต.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี  เพื่อเป็นการขอบคุณจากใจจริง ก่อนจะพากันไปถอนเงินที่ได้รับจากการจำนำข้าว เพื่อนำไปใช้สอยส่วนตัวโดยบรรยากาศที่ ธ.ก.ส.สาขาลำปางเป็นไปด้วยความอบอุ่น กลุ่มชาวนาต่างยิ้มแย้มแจ่มใส และต่อคิวเพื่อถอนเงินกันอย่างคึกคัก

- ดีใจได้ใช้หนี

            น.ส.จรัธยา สายสอน  อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 10 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง  เปิดเผยว่า ตนเองทำนามาตั้งแต่ปี 2546 หลังจากได้รับมรดกจากบิดา มีที่นาอยู่ 10 ไร่ ก่อนหน้านั้นขายข้าวนาปลังเองยังได้ราคากิโลกรัมละ 8 บาท  เมื่อมีโครงการจำนำข้าวเกิดขึ้นก็สนใจเข้าร่วมเพราะจะได้ราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเองจำนำข้าวได้ 105,000 บาท ตั้งแต่เดือน พ.ย.56 แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นเพราะรัฐบาลไม่มีเงินจ่าย ทำให้ไม่ได้เงินนานถึง 7 เดือน ระหว่างที่รอก็ต้องหายืมเงินจากคนอื่นมาใช้ จนกระทั่งทาง คสช.ให้การช่วยเหลือ รู้สึกดีใจมากที่ได้เงินในวันนี้ เพราะจะต้องนำไปใช้หนี้ โดยได้ถอนเงินออกมา 30,000 บาท เพื่อไปจ่ายค่าปุ๋ย ค่าไถนา ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้ใช้หนี้เงินกู้ให้กับ ธ.ก.ส.ต่อไป  สำหรับโครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดี เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ตนเองก็จะรอดูรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะมีโครงการมาอีกหรือไม่ ถ้ารัฐบาลมีความมั่นคงมีเสถียรภาพก็จะเข้าร่วมโครงการต่อไป

            ด้านนางพรรณี ราชเครือ  อยู่บ้านเลขที่ 116 หมู่ 3 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง กล่าวว่า ได้เงินค่าจำนำข้าวจำนวน 35,000 บาท  ถอนออกมาใช้จ่ายหนี้สินต่างๆ 26,000 บาท  ดีใจที่ได้รับเงินเพราะรอมา 5 เดือนแล้ว

- รอนาน 5 เดือน

            นางทองจันทร์ ณ พิชัย บ้านเลขที่ 147 หมู่ 11 ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง  กล่าวว่า ตนเช่าที่นาปลูกข้าวอยู่ 6 ไร่ ได้รับเงินค่าจำนำข้าวครั้งนี้ 15,000 บาท ในช่วงที่ไม่ได้รับเงินนั้นก็ต้องปลูกข้าวนาปลังไปด้วย ซึ่งต้องหาเงินมาสำรองจ่ายไปก่อน ได้เงินแล้วก็จะต้องทำไปใช้หนี้คืน รวมทั้งจ่ายค่าปุ๋ยด้วย ในส่วนของตนก็รอมานาน 5 เดือนกว่าจะได้รับเงิน อาจจะเห็นว่าเป็นเวลาไม่นาน แต่สำหรับชาวนาแล้วเงินที่นำมาลงทุนปลูกข้าวนั้นก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก กว่าจะหามาได้แต่ละบาทก็มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเราเอง ทำให้ดีใจมากที่ได้รับเงินในครั้งนี้

- คาดเสร็จ 30 พ.ค.

            ขณะที่ นายประพันธ์ บุญเดช ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.จังหวัดลำปาง พร้อมจ่ายเงินให้กับเกษตรกรที่รอรับเงินจำนำข้าวที่ค้างอยู่  ทั้งสิ้น 5,204 ราย  โดยที่ อ.ห้างฉัตรมีมากที่สุด 1,296 ราย   มีใบประทวนที่เข้าโครงการทั้งหมด 6,923 ใบ  17,989.91 ตัน วงเงิน 291.15 ล้านบาท เพื่อที่จะบรรเทาความเดือนร้อนของเกษตรกรและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งจะมีเงินนำมาใช้หมุนเวียนจะมาจากเงินกองทุนช่วยเหลือชาวนา และเงินกู้ยืมที่กระทรวงการคลังจัดหามาให้ในวงเงินไม่เกิน 92,431 ล้านบาท ทั้งนี้อยู่ระหว่างสำรองจ่ายไปก่อนในวงเงินไม่เกิน 40,000 ล้านบาท เพื่อให้ถึงมือเกษตรกรอย่างรวดเร็ว สำหรับผลการดำเนินงานของ ธ.ก.ส.จังหวัดลำปาง ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตั้งแต่เริ่มโครงการมาถึงวันที่ 18 พ.ค. 2557 มียอดใบประทวนทั้งสิ้น 13,082 ราย ข้าวเปลือก 45,256.56 ตัน จำนวนเงิน 742.81 ล้านบาท โดยปัจจุบัน ธ.ก.ส.จังหวัดลำปาง ได้ทยอยจ่ายเงินไปแล้ว จำนวน 7,878 ราย ปริมาณข้าวเปลือก 27,266.64 ตัน จำนวนเงิน 415.66 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้

- โรงจำนำลำปางยังเงียบ

            นอกจากนี้ลานนาโพสต์ยังได้สอบถามไปยังสถานธนานุบาลเทศบาลตำบลห้างฉัตรว่ามีกลุ่มชาวนามาไถ่ถอนทรัพย์สินหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่ อ.ห้างฉัตร มีการจำนวนชาวนาที่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวมากที่สุด  โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่า บรรยากาศทั่วไปยังเป็นปกติ ไม่มีชาวนาแห่มาไถ่ถอนของแต่อย่างใด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้ามาจำนำมากกว่า ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมมาจนถึง ณ วันที่ 29 พ.ค.57 มียอดจำนำแล้วถึง 10 ล้านบาท มียอดไถ่ถอนเพียง 6 ล้านบาท โดยตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมาไปจนถึงวันที่ 15 ก.ย.57 ทางสถานธนานุบาลได้ทำการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชน หากยอดเงินไม่เกิน 5,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 50 สตางค์ต่อเดือน ยอดเงิน 5,001 บาทขึ้นไป คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อเดือน

- คสช. ประกาศห้ามทวงหนี้

            และในวันเดียวกัน ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 46/2557 เรื่องความผิดเกี่ยวกับการติดตามทวงถามหนี้ มีใจความว่า ด้วยปรากฏว่า มีบุคคล หรือกลุ่มบุคคลมีพฤติกรรมในการติดตามทวงถามหนี้จากชาวนาอย่างไม่เป็นธรรม และเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยผู้กระทำความผิดไม่เกรงกลัวต่อการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐ และโทษที่จะได้รับสำหรับความผิดนั้น เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงออกประกาศดังต่อไปนี้

            ผู้ใดข่มขืนใจชาวบ้านให้ยอมให้ หรือยอมจ่ายให้ตน หรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของชาวนา หรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 28 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

- ชาวนาแจ้งความถูดยึดรถ-สมุดบัญชีธนาคาร

            ขณะที่ เวลา 22.00 น. พ.ต.ท.สมควร เกตุเทศ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งความจากนายชวน ชัยเลิศ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 4 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง ว่าถูกนางแสงหล้า (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมพวก 3-4 คน โดยได้ยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ ทะเบียน 1กก5821 ลำปาง และสมุดบัญชีธนาคารของตนเองไป

            นายชวน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้กู้เงินนอกระบบจากนางแสงหล้า จำนวน 80,000 บาท เพื่อลงทุนทำนาฤดูกาลใหม่ เมื่อถึงกำหนดชำระคืนทั้งต้นและดอกเบี้ยตนไม่มีให้  นางแสงหล้าจึงติดตามทวงถาม แต่ตนไม่มีเงินคืนจึงตัดสินใจนำรถแทร็กเตอร์มอบให้นางแสงหล้า เพื่อหักลบหนี้กับเงินที่กู้ยืมจากนางแสงหล้าก่อนหน้านี้จำนวน 80,000 บาท  และทำสัญญาซื้อขายเป็นหลักฐานด้วย แต่เมื่อทราบว่าตนได้เงินค่าจำนำข้าวนางแสงหล้ากลับพาพวกมาเป็นชายฉกรรจ์ 3-4คน บุกไปที่บ้าน และยึดรถจักรยานยนต์ของตน และสมุดเงินของตนไปอีกโดยอ้างว่าเป็นค่าดอกเบี้ย  

            จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 29 พ.ค.นายชวนและ ภรรยา ได้นำสำเนาใบแจ้งความมายื่นเรื่องที่ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ สาขาอาลัมภางค์ เพื่อเปิดสมุดบัญชีเล่มใหม่ แต่นางแสงหล้า ก็ยังได้ติดตามนายชวนมาที่ธนาคารอีก เพื่อจะเอาเงินสดจากตน เมื่อจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุแต่นางแสงหล้าก็ได้หนีหายไปแล้ว

- ตำรวจไกล่เกลี่ย

            ด้าน พ.ต.ท.สมควร เกตุเทศ  พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายแล้ว ทราบว่านายชวนได้ติดหนี้สินอยู่มาก ซึ่งการนำรถแทร็กเตอร์มาแลกใช้หนี้นั้นยังไม่พอใช้หนี้ นางแสงหล้าจึงได้ตามมาทวงถามและยึดรถจักรยานยนต์ไป และได้ตกลงกันแล้วว่าหากได้เงินคืนจะนำรถจักรยานยนต์มาคืนให้ ซึ่งจะได้ให้คู่กรณีทั้งสองคนมาตกลงทำความเข้าใจกันอีกครั้ง หากไม่สามารถตกลงได้ก็ต้องดำเนินคดีกันตามกฎหมายต่อไป


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 979 ประจำวันที่  30 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน  2557)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์