สองปีที่แล้ว
เมื่อวันที่ 1
พฤษภาคม พ.ศ. 2555 นักวิชาการภาคธรณีวิทยา
คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยไว้ว่า
ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่ได้รับความน่าสนใจที่สุดก็คือ รอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งพาดผ่านจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่
เนื่องจากเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังมากที่สุด
และเกิดแผ่นดินไหวใหญ่จากรอยเลื่อนใกล้เคียงไปแล้ว คือ
รอยเลื่อนในมณฑลยูนนานของจีน ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2552 และรอยเลื่อนน้ำมาในลาวและเมียนมาร์ ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ไปเมื่อปี พ.ศ.
2554 ทว่ารอยเลื่อนแม่จันยังไม่ขยับ คงกำลังสะสมพลังงานอยู่
ทั้งนี้ เมื่อ 1,000 กว่าปีก่อนรอยเลื่อนแม่จันเคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจนโยนกนครล่มสลายมาแล้ว
สำหรับจังหวัดลำปางอยู่ในกลุ่มรอยเลื่อนเถินและกลุ่มรอยเลื่อนพะเยา
โดยทั้งสองนับเป็นรอยเลื่อนมีพลัง แต่ก็ยังรองจากรอยเลื่อนแม่จัน โดยนับเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายในระดับน้อยถึงปานกลาง
หรือเขต 2ก ความรุนแรงจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 ริกเตอร์
จากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในอดีตพบว่า
ทุก ๆ 1,000 ปี รอยเลื่อนในประเทศไทยจะมีการปลดปล่อยพลังงาน ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาด
7 ริกเตอร์ได้
แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไรและเกิดขึ้นที่รอยเลื่อนไหนนั้น ยังไม่สามารถระบุได้
เพราะปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ไม่ว่าชาติใดก็ไม่สามารถทำนายการเกิดแผ่นดินไหวได้ นี่เองนำมาสู่การค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับปรากฏการณ์ล่วงหน้าก่อนเกิดแผ่นดินไหวในประเทศใหญ่
ๆ อย่างอเมริกา รัสเซีย จีน และญี่ปุ่น
จากการศึกษาวิจัยของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวพบว่า
หากสัตว์มีพฤติกรรมผิดปกติ มักจะเกี่ยวข้องกับการเกิดภัยธรรมชาติ
นกมีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
โดยเฉพาะนกพิราบป่า อีกา และนกแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวของจีนพบว่า
นกพิราบป่าที่อยู่ภายในรัศมี 50 กิโลเมตรของพื้นที่แผ่นดินไหวจะรู้ล่วงหน้าและบินหนีไปภายใน
24 ชั่วโมง
ปี
พ.ศ. 2538
ก่อนเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ที่โกเบ ชาวประมงญี่ปุ่นจับปลาได้มากกว่าปกติ
และมีปลาจากทะเลลึกว่ายเข้ามาในเขตน้ำตื้นด้วย ข้อมูลนี้ทำให้นึกถึงรุ่นพี่นักดำน้ำคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากการดำน้ำที่ภูเก็ต
เขาตั้งข้อสังเกตว่า การดำน้ำที่ทะเลภูเก็ตนั้น การเจอมวลน้ำเย็นถือเป็นเรื่องปกติ
และมักจะเจอกันเป็นประจำ แต่ปีนี้ไม่เพียงมวลน้ำเย็นจะหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือมวลน้ำอุ่นจนเกือบร้อนที่ทำเอานักดำน้ำถึงกับสะดุ้งและตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น
รวมถึงนักดำน้ำเมืองไทยคนอื่น ๆ ก็พากันตื่นเต้นแปลกใจที่ปีนี้พบเห็นสัตว์ทะเลหายากกันบ่อย
ไม่ว่าจะเป็นฉลามวาฬ กระเบนราหู ฯลฯ
ด้านงูก็นับเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดแผ่นดินไหว
โดยมันจะรู้สึกถึงความผิดปกติจากการสั่นสะเทือนของเปลือกโลกและการเปลี่ยนแปลงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
และจะเลื้อยขึ้นมาบนดิน
อาจเป็นเช่นเดียวกับที่คนเชียงรายบางคนตั้งข้อสังเกตในสังคมออนไลน์ว่า
เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นฝูงแมงมันบินออกมาจากรูใต้ดินในตอนกลางวัน
ก่อนที่ช่วงเย็นจะเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่คนลำปางบางคนก็รู้สึกได้ว่า
ฝูงมดดำพากันเดินเพ่นพ่านอยู่เต็มใต้ถุนบ้านของเขาก่อนเกิดแผ่นดินไหว
คางคกและกบก็บอกเหตุได้เช่นกัน
ที่มณฑลเสฉวนของจีนเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในปี พ.ศ. 2551 เหล่าคางคกพากันอพยพก่อนผู้คนเสียอีก
เช่นเดียวกับกบนับพันนับหมื่นตัวที่มีคนเห็นมันพากันอพยพก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองถังซาน
มาดูสัตว์ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์อย่างสุนัข
มีรายงานว่า สุนัขบางตัวมีอาการตื่นตระหนก วิ่งไปวิ่งมา
บางตัวก็เริ่มก้าวร้าวและเห่าหอน สำหรับแมวส่วนใหญ่หาที่หลบ คนญี่ปุ่นมีคำกล่าวว่า
“ก่อนแผ่นดินไหวแมวจะปีนขึ้นต้นไม้สูง”
บางตัวงุ่นง่าน วิ่งไปมา และร้องอย่างกระวนกระวาย
นอกจากนี้
ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า ท้องฟ้าก็บอกเหตุได้
โดยก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงท้องฟ้าจะมีเมฆรูปร่างประหลาด เกิดประกายแสง
หรือรุ้งกินน้ำ แต่ที่พบบ่อยที่สุด คือ เมฆแผ่นดินไหว หรือ Earthquake Clouds หลักการเกิดเมฆแผ่นดินไหวนั้น นักวิชาการอธิบายว่า
บริเวณที่มีแนวรอยเลื่อนมีพลัง เมื่อหินถูกแรงเค้นจากภายนอกเข้ากระทำ
จะทำให้หินบริเวณนั้นแตกร้าวบางส่วนเป็นรอยเลื่อนชั้นหินและเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กทันที
ก่อนแผ่นดินไหวใหญ่จะตามมา แอ่งน้ำร้อนที่สะสมตัวอยู่ใต้ดิน หรือหิน
จะกลายเป็นไอที่มีอุณหภูมิสูงและมีความดันสูง ไหลพุ่งขึ้นมาตามรอยเลื่อนนี้
ระเหยขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่บรรยากาศโดยรอบมีอุณหภูมิต่ำ จึงก่อให้เกิดเมฆแผ่นดินไหวปรากฏเหนือและขนานยาวตามแนวรอยเลื่อนนั้น
ๆ
สอดคล้องกับที่นักวิชาการอิสระด้านภัยพิบัติคนหนึ่งระบุว่า
ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเวลา 18.08 นาฬิกา ก่อนหน้านั้น 4
ชั่วโมง เวลา 14.00 นาฬิกา ท้องฟ้าในจังหวัดเชียงรายมีริ้วคลื่นคล้ายก้างปลา
หรือที่เรียกว่าเมฆแผ่นดินไหว และยังมีแสงสีส้ม สีม่วง
แซมอยู่ในชั้นบรรยากาศเหนือก้อนเมฆ เป็นจุดบ่งชี้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในระยะเวลาอันใกล้นี้
อันที่จริง
เมฆแผ่นดินไหวมีหลากหลายรูปทรง ได้แก่ เมฆรูปเส้นตรง เมฆรูปคลื่น เมฆรูปขนนก
เมฆรูปตะเกียง และเมฆรูปรัศมี
เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งนี้
รวมถึงความผิดแผกแตกต่างอื่น ๆ ของธรรมชาติ
ไม่เพียงทำให้มนุษย์ต้องเร่งรีบหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ควรตั้งคำถามกับตัวเองด้วยว่า เรากระทำย่ำยีอะไรต่อธรรมชาติไว้บ้าง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 976 ประจำวันที่ 9 - 15 พฤษภาคม 2557)