วิทยุชุมชนเป็นสื่อล่าสุด
ที่ได้รับการพิจารณาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็ยังอยู่ในความสับสน
ท่ามกลางพายุข่าวลือที่กระหน่ำเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ผ่านไป 1 เดือน กับห้วงเวลาที่
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาจัดระเบียบ กวาดบ้านปัดฝุ่น ประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาวุธสงคราม ยาเสพติด
ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของขั้วที่คิดต่างและเริ่มส่งสัญญาณของความแตกแยก
เครื่องค่าครองชีพสูง บ่อนการพนัน ไม่เว้นอิทธิพลมนต์มืดของรถตู้
มอเตอร์ไซด์รับจ้างที่ต้องอาศัยกำลังทหารเข้ามาจัดระเบียบ และอีกสารพัดปัญหาที่รอชายชุดเขียวเข้ามาจัดการ
และนับเป็น 1 เดือน ของชาววิทยุชุมชน
ที่ต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ เพราะถูกระงับการออกอากาศจากคำสั่ง ฉบับที่ 32/2557 ของ
คสช. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. และจนเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. คสช.ได้ออกประกาศ ฉบับที่ 66/2557 เรื่อง การออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ ให้วิทยุชุมชนที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ
ออกอากาศรายการได้ตามผังรายการปกติ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
ของที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม
กฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
และกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม แล้วแต่กรณี
วินาทีนั้นดูเหมือนว่า
คสช.จะปลดล็อคผู้ประกอบการวิทยุชุมชนประเภทประกอบกิจการธุรกิจแล้วโยนเผือกร้อนให้
กสทช. รับลูกต่อ
โดยเงื่อนไขหลัก “ที่คาดว่า”
เป็นเงื่อนไขสำคัญการขอออกอากาศได้นั้น ลือออกมามากมาย ข่าวจากส่วนกลางพูดอย่าง
ข่าวจากพื้นที่พูดอย่าง เช่น ต้องมีใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการ
ต้องนำเครื่องส่งสัญญาณผ่านการตรวจมาตรฐานเครื่องส่ง ต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาต มี-ใช้
เครื่องส่งและตั้งสถานี เจ้าของสถานีต้องมาดำเนินการด้วยตนเอง
(ผู้มีอำนาจของนิติบุคคล) มอบอำนาจไม่ได้ หรือผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มคน
(เฉพาะวิทยุประเภทชุมชน) เท่านั้น โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไข 1 นิติบุคคล
ต่อ 1 สถานี ต่อ 1 ส่วนวิทยุชุมชนประเภทชุมชน
ออกอากาศได้ 1 สถานี 1 จังหวัด ต้องลงนามบันทึกข้อตกลงออกอากาศร่วมกับ
กสทช. และ คสช. ต้องรอประกาศการอนุญาตออกอากาศทางเว็บไซต์
กสทช.ก่อนจึงจะดำเนินการออกอากาศได้ และอีกสารพัด “ที่ต้อง”ทำที่ลือต่อๆกันมา
ทำให้เกิดความสับสนมากทีเดียว
รายละเอียดสำหรับการดำเนินการนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
เพราะนี่เป็นสิ่งที่กสทช.ระบุไว้ตั้งแต่แรกที่ เหล่าสถานีวิทยุชุมชนทั้งหลาย “ต้อง”
ทำ เพียงแต่กรอบระยะเวลาที่กำหนดให้นั้นไม่ใช่เอา ณ วันนี้เวลานี้
แรกเริ่มเดิมทีห้องปฏิบัติการตรวจมาตรฐานเครื่องส่งยังมีไม่มี
เพราะการสร้างห้องแล็ปสำหรับตรวจมาตรฐานเครื่องส่งนั้นต้องลงทุน
อุปกรณ์บางตัวราคาหลักล้านบาท
ได้ยินมาว่าห้องแล็ปสำหรับตรวจมาตรฐานเครื่องสั่งนั้นต้องลงทุนหลักสิบล้าน
และมีไม่ถึง 25 แห่งทั่วประเทศ
ในเชิงธุรกิจเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่สูงทีเดียว
จึงไม่น่าแปลกใจหากจะมีผู้ประกอบการที่หาผลประโยชน์จากการความต้องการตามหลัก Demand Supply เพราะหนึ่งในเงื่อนไขหลักคือ สถานีวิทยุต้องนำเครื่องส่งไปตรวจสอบมาตรฐาน
ดังนั้นในช่วงแรกที่ข่าวนี้ออกมาจึงมีสถานีวิทยุจำนวนมากที่แห่นำเครื่องส่งเข้าห้องแล็ปเพื่อจะได้ผลการตรวจสอบที่ระบุว่า
“ผ่าน” ไปยื่นเพื่อทำเรื่องในขั้นตอนต่อไป
แต่กลายเป็นช่องธุรกิจให้ช่างบางคนเรียกค่าตรวจสูงถึง 30,000 บาท ทั้งที่
กสทช.ได้กำหนดให้คิดค่าตรวจในราคาเพียงเครื่องละ 5,000 บาท เท่านั้น บ้างก็บอกว่าจ่าย
30,000 บาท จะทำให้ผ่านได้เลย บ้างก็บอกว่าซื้อขายสติ๊กเกอร์ในราคา 30,000 บ.
โดยไม่ต้องนำเครื่องไปซ่อมเพื่อให้ผ่านมาตรฐานที่กำหนด
ดังนั้นในช่วงเวลาที่
กสทช.ยังไม่ระบุเงื่อนไขและกรอบระยะเวลา จึงกลายเป็นช่องทางหากิน
แต่ก็ต้องชมเชยกับการเคลื่อนไหวในช่องทางข่าวสารที่รวดเร็ว เพราะทันทีที่มีข่าวลือนี้ออกมา กสทช.ได้ประกาศระงับการตรวจเครื่องส่งชั่วคราวเพื่อตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่วันที่
11 มิ.ย. 57 ซึ่งนั่นก็ผ่านมาราว 2 สัปดาห์ได้
และยังไร้วี่แววการเปิดให้บริการห้องแล็ปอีกครั้ง
นอกจากนี้ในขั้นตอนของการทำเรื่องขออนุญาตตั้งเสาส่งสัญญาณก็ส่งสัญญาณของการถูกเรียกค่าจ้างที่ค่อนข้างสูง
ในส่วนของการเขียนแบบ และการดั้นด้นหาลายเซ็นวิศวกร
ค่าอำนวยความสะดวกที่ได้ยินจากเหล่ามิตรสหายในแวดวงวิทยุทั้งในลำปางและจังหวัดอื่น
บอกเป็นเสียงเดียวกันโดยตัวเลขนั้น อยู่ที่ราวๆ 30,000-90,000 บาท
คุณพระ!!! (อุทานดังๆ)
ตัวเหล่านี้ช่างสูงสวนกระแสรายรับที่ได้จริงๆ
เพราะนับจากที่ถูกระงับการออกอากาศมา 1 เดือน
นี่ก็ถึงเวลาที่จะต้องจ่ายค่าเช่าห้องทำสถานี ค่าไฟแนนซ์ ค่าผ่อนของมากมาย
ถ้าต้องมาจ่ายค่าอำนวยการอีก คงจะได้กินแกลบ ได้ยินมาว่าหลายคนถึงกับหน้าซีด
ถอดใจไปก็มาก
นาทีนี้เหล่าดีเจทั้งหลายคงได้แต่ร้องเพลงรอ
รอวัน กสทช.แจ้งรายละเอียด และระหว่างนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกรับฟังข้อมูล
เพราะข่าวลือแบบ...เขา...บอกว่า มันเยอะเหลือเกิน ข่าวล่าสุด วันที่ 25 มิ.ย.
กสทช.เคาะเงื่อนไขออกมาแล้วว่า ต้องเป็นสถานีที่ได้รับใบอนุญาตทดลองประกอบกิจการฯ
ผ่านการตรวจเครื่องส่ง สายอากาศ ให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. จำกัดหนึ่งนิติบุคคล
ต่อหนึ่งใบอนุญาต ทั้งนี้ เนื้อหาในการออกอากาศจะต้องสอดคล้องกับประกาศของ คสช.
และจะต้องทำ MOU
ในการปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งหมดกับทางสำนักงาน กสทช.
หวังว่าจากนี้คงจะมีแต่ข่าวจริง กลบข่าวลือ
และกลบพวกที่ฉวยโอกาสหากินบนความทุกข์ของคนอื่นเสียที
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 984 ประจำวันที่ 27 มิถุนายน - 3 กรกฎาคม 2557)