วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฆาตกรข่าว สังหารน้องแก้ม !


นาทีที่ท่านอ่าน “ม้าสีหมอก” อยู่นี้ ร่างของน้องแก้มคงสลายกลายเป็นเถ้าธุลีแล้ว แล้วอีกไม่นานผู้คนคงลืมเลือน และถ้าไม่มีคำสั่งพิเศษที่มีฐานะเสมอกฎหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เช่นเดียวกับที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประกาศคณะปฎิวัติให้ประหารชีวิตผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืน ไม่แน่นัก นายวันชัย แสงขาว พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้ก่อเหตุ อาจได้รับการลดโทษจากประหารชีวิตลงมาเป็นจำคุกตลอดชีวิต แล้วก็ได้รับการลดหย่อนลงตามวงปีที่สังคมเลิกจำแล้ว จนกระทั่งนายวันชัย แสงขาว กลับมามีอิสรภาพอีกครั้งหนึ่ง

แต่ไม่ว่า คสช.จะมีประกาศให้ประหารชีวิตนายวันชัย แสงขาว หรือไม่ แต่สิ่งที่ คสช.ไม่ควรลืมเลือน คือการจัดการเด็ดราก ถอนโคน อำนาจเก่า ที่ยังหลงเหลืออยู่ที่ รฟท.คือ นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคพลังประชาชน ผู้ทะยานเข้าสู่ตำแหน่งผู้ว่าฯการรถไฟ ท่ามกลางข้อครหาในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คำปฎิเสธความเกี่ยวข้องของนายวันชัย แสงขาว ในฐานะพนักงานการรถไฟ คือข้อหาฉกรรจ์ที่ คสช.สามารถเด็ดหัวนายประภัสร์ ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากความรับผิดชอบของผู้บริหารสูงสุดการรถไฟแล้ว บทบาทของสื่อในท่ามกลางความอาดูรของญาติพี่น้องที่สูญเสีย เสมือนข่มขืนน้องแก้มซ้ำ ยังเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนด้วย โดยเฉพาะกรรมกรข่าวที่ฐานะมั่งคั่งนับร้อยล้าน จากการเล่าข่าวด้วยเงินลงทุน 10 บาท

เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน และภาพผู้สูญเสียลูก ภาพ เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย นานหลายนาที จบด้วยคำอธิบายของนักเล่าข่าวว่าให้พื้นที่เพื่อแสดงความเสียใจในโศกนาฎกรรมของครอบครัวนี้  ได้เสนอคำถามสำคัญว่า สื่อได้ทำหน้าที่ด้วยความสะใจ เพียงเพื่อสนองตอบสัญชาติญาณความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ หรือได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมหรือไม่ อย่างไร ยุคของทุนได้ทำให้เป้าหมายในเชิงอุดมการณ์ ถูกกดทับด้วยเป้าหมายทางธุรกิจ เพื่อตอบสนองลูกค้าที่กระหายใคร่รู้ความหายนะของคนอื่นเท่านั้นหรือ

หลายคนอาจจำได้ ภาพของกองทัพสื่อมวลชน รุมล้อมพ่อ แม่เด็กที่ถูกระเบิดเสียชีวิตที่บิ๊กซี ราชดำริ ช่างกล้องทีวี ช่างภาพหนังสือพิมพ์  ต่างซูมภาพสีหน้าแววตาผู้สูญเสีย กดชัดเตอร์รัวราวข้าวตอกแตก ในขณะที่นักข่าวก็ยิงคำถามซ้ำๆ เพียงให้เขาตอบว่า รู้สึกอย่างไรกับการสูญเสีย บางทีอาจอยากฟังว่า เขาดีใจที่สูญเสียลูกไป ภาพเหล่านี้ คำถามเหล่านี้  ท่าทีเหล่านี้ คือการบีบคั้นหัวใจของผู้สูญเสีย และดูเหมือนว่ามันจะยังคงอยู่อย่างเหนียวแน่นในสังคม หากคำว่า “ข่าวขายได้” คือบทสรุปสุดท้ายบนโต๊ะประชุมข่าว

แน่นอนว่า นี่เป็นเรื่องราวที่มนุษย์สนใจ หรือเป็น  Human Interest ข่าวสีสัน ที่มีคุณค่าเชิงข่าว และเป็นข่าวสะท้อนสังคมที่สมควรนำเสนอ การเสนอข่าวจะนำไปสู่ความระมัดระวังมากขึ้นในการเดินทางโดยรถไฟ โดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง การจัดการเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งมีรูปแบบการนำเสนอได้มากมาย เช่น การรายงานสภาพและลักษณะของจุดที่เกิดเหตุ การรายงานระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และอาจรวมถึงการตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของผู้บริหารการรถไฟ 

ถ้าเราไม่ได้คิดใคร่ครวญมากนัก ก็อาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา และเห็นว่าการได้รับรู้รายละเอียดของข่าวอย่างครบถ้วน ชื่อเด็ก ชื่อแม่เด็ก ชื่อนามสกุล บุคคลที่เกี่ยวข้อง พฤติกรรมของคนร้าย ภาพเหยื่อผู้ประสบเคราะห์กรรม ชื่อโรงเรียน  ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย แต่หากความสูญเสียนี้เกิดกับเรา ลูกเรา หลานเรา บางทีอาจจะคิดได้บ้างว่า การเสนอภาพและข่าวซ้ำๆ การเสนอภาพและข่าวที่เจาะจงชัดเจนนั้น มันสร้างความเจ็บปวดมากเพียงใด

การเสนอข่าวหรือภาพใดๆก็ตาม ต้องคำนึงถึงการไม่ไปล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลที่ตกเป็นข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องให้ความเคารพอย่างเคร่งครัดต่อเด็ก สตรี  การเสนอข่าวต้องไม่เป็นการซ้ำเติมความทุกข์ หรือโศกนาฎกรรม อันเกิดกับเด็กและสตรีนั้น 

ไม่เพียงเรื่องความผิดในเรื่องจิตใจเท่านั้น หากในมุมของกฎหมายก็นับว่าเป็นความผิดที่มีโทษทางอาญาด้วย 

พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 27 คุ้มครองเด็กจากการเผยแพร่ ภาพข่าวในสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์  ด้วยบทบัญญัติว่า

“ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชน หรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กหรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

เรื่องกฎหมาย อาจจำเป็นต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เพราะที่ผ่านมายังไม่มีใครใช้กฎหมายนี้จัดการผู้กระทำความผิดเลย แต่ในเรื่องจริยธรรมซึ่งเป็นเรื่องความละเอียดอ่อนทางจิตใจ สื่อที่กระทำผิด สมควรได้รับการตักเตือน และองค์กรสื่อควรถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง ที่จะต้องจัดการอย่างเด็ดขาดจริงจังรวมทั้งฆาตกรข่าว ที่สมควรถูกลงฑัณฑ์จากสังคม


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 986 ประจำวันที่ 11 - 17 กรกฎาคม 2557)


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์