ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการป่วยไข้ เสียงประกาศที่เคาน์เตอร์
และกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาล สถานที่ใครหลายคนไม่ปรารถนาจะย่างกรายเข้ามา
แต่สำหรับบางคน ที่นี่เป็นดังความหวังเรืองรองที่พวกเขาหวังเพียงจะก้าวเท้ากลับออกไปเยี่ยงคนปกติธรรมดา
โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง มีจุดเริ่มต้นจากที่ดินรกร้างริมถนนซูเปอร์ไฮเวย์ลำปาง-งาว ย่านตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง เดิมเป็นของ จอมพลประภาส
จารุเสถียร ซึ่งได้สร้างบ้านสามฤดูไว้เพื่อรำลึกถึงมารดาที่เป็นเจ้านายฝ่ายเหนือเมืองลำปาง
แต่เมื่อเกิดเหตุผันผวนทางการเมืองช่วงปี พ.ศ. 2516 และปี
พ.ศ. 2519
ทรัพย์สมบัติของจอมพลประภาสจึงตกเป็นของรัฐ
ภายหลังได้มีการติดต่อขอความเห็นชอบที่จะสร้างโครงการศูนย์มะเร็งส่วน
ภูมิภาคบนที่ดินผืนนี้
และท่านก็ยินดีให้กรมการแพทย์ดำเนินการ
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งภาคเหนือ
สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ก่อตั้งขึ้น ทำหน้าที่จัดทำทะเบียนโรค
ควบคุมและป้องกันโรคมะเร็ง ต่อมาเปลี่ยนเป็น ศูนย์มะเร็ง ลำปาง เน้นการฉายรังสี
ให้เคมี และฝังแร่ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดในปี พ.ศ. 2542 นับเป็นการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ
และล่าสุดพัฒนาเป็น โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ที่เน้นการรักษาเป็นหลัก
จุดเด่นของโรงพยาบาลมะเร็งลำปางอยู่ที่ด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์
มีเครื่อง SPECT/CT เป็นตัวจับรังสีที่ทำให้แพทย์รู้ว่า เซลล์มะเร็งกระจายไปยังจุดใดบ้าง
อีกทั้งมีส่วนช่วยในการรักษาโรคไทรอยด์ โรคหัวใจ
ตลอดจนดูผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ นอกจากนี้
ยังมีการให้เคมีบำบัดระดับสูง ซึ่งแตกต่างโรงพยาบาลทั่วไปที่ให้ระดับธรรมดา
นายแพทย์สมเกียรติ
ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลมะเร็งลำปางมีการพัฒนาอย่างชัดเจน สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น
โดยมีอัตราผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 50,000 ครั้ง/คน/ปี
ให้การรักษาผู้ป่วยมะเร็งใหม่ 2,000 ราย/ปี อัตราการรอดชีวิต
50-60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้
มะเร็งปากมดลูกมีอัตราการรอดชีวิตสูงถึง 80 %เลยทีเดียว
การที่โรงพยาบาลมะเร็งลำปางรองรับผู้ป่วยมากขึ้น
ในอีกมุมหนึ่งคงเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีนัก เพราะนั่นหมายความว่า
มะเร็งเป็นโรคที่กำลังคุกคามเราอย่างหนัก ซึ่ง น.พ.สมเกียรติก็ได้เผยถึงสถานการณ์โรคมะเร็งในบ้านเราว่า
ผู้ชายจังหวัดลำปางป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ
มะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ ส่วนผู้หญิงเป็นโรคมะเร็งเต้านมอันดับ 1 รองลงมา คือ มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้
มะเร็งปอดและมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มลดลง แต่มะเร็งลำไส้ใหญ่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
อย่างไรก็ตาม
การปฏิรูประบบการแพทย์และสาธารณสุขก็นำมาซึ่งความหวังที่จะรับมือกับโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยมีการแบ่งเขตบริการสุขภาพทั่วประเทศเป็น 12 เขต + กรุงเทพฯ
ซึ่งจังหวัดลำปางเป็นเขตที่ 1 รับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ยกระดับการบริการในโรงพยาบาลให้ดีขึ้น เช่น
ตรงต่อเวลาและขยายเวลาให้บริการ มีการจัดประชุมทางวิชาการ
จัดทำเอกสารเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ เน้นความโปร่งใส
และมีหัวจิตหัวใจที่จะให้บริการ
ในส่วนของโรงพยาบาลมะเร็งลำปางได้มีการจัดตั้งกองทุนรังสีรักษาและกองทุนฌาปนกิจ
สำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ นอกจากนี้ สถานพยาบาลแห่งนี้ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ตั้งแต่เรื่องทางเดินที่เอื้อต่อความปลอดภัยของผู้ป่วย มีรถกอล์ฟบริการผู้ป่วย
เรื่องความสะอาด เรื่องการติดต่อประสานงานระหว่างโรงพยาบาล
การจัดสร้างที่พักให้ญาติผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากที่ไกลๆ ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม
โดยล่าสุดได้รับรางวัล Eco
Hospital Award มาอย่างน่าภาคภูมิ
กุลธิดา
สืบหล้า...รายงาน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 993 ประจำวันที่ 29 สิงหาคม - 4 กันยายน 2557)