วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

ทวีศักดิ์ท้าชน ทางหลวงเบี้ยว ล้มสัญญา ผอ.โต้สร้างผิดแบบ


ทวีศักดิ์ก่อสร้าง ท้าชน ทางหลวงชนบทลำปาง อ้างถูกกลั่นแกล้งไม่ตรวจรับงาน ทั้งที่การก่อสร้างรุดหน้าไปแล้วถึง 98.5 เปอร์เซ็นต์ แถมยังบอกเลิกสัญญาจ้าง  แฉวันทำสัญญาจ้างก็จ่ายให้แล้ว 4.5 เปอร์เซ็นต์ พอส่งงานงวดแรกยังต้องจ่ายเพิ่มให้อีก 4 เปอร์เซ็นต์  จึงส่งฟ้องทั้งศาลปกครองเชียงใหม่ให้จ่ายค่าจ้างและค่าก่อสร้างเพิ่มเติมที่เหลือทั้งหมดเกือบ 4 ล้านบาท  อีกทั้งฟ้องศาลจังหวัด  สตง.  ป.ป.ช.  และยังเตรียมร้องถึงศูนย์ ปชส.กองกำลังรักษาความสงบ มทบ.ที่ 32 ลำปาง ถึงความไม่โปร่งใสและยุติธรรมในการทำงานของทางหลวงชนบท  ด้าน อดีต ผอ.ทางหลวงชนบทลำปาง ปัดไม่เคยทราบเรื่องที่มีการเรียกรับเงินใต้โต๊ะ แต่ที่ไม่ตรวจรับงานและยกเลิกสัญญาเพราะผู้รับเหมาทำผิดกติกาเอง  

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.57 ที่สำนักงาน หจก.ทวีศักดิ์ก่อสร้าง เลขที่ 121/4 ถ.วังขวา ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง นายชูชาติ วิญญาภาพ อายุ 74 ปี หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.ทวีศักดิ์ก่อสร้าง  พร้อมด้วยนายพรศิลป์  ภัทรลาภา วิศวกร  ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน จ.ลำปางว่า ถูกสำนักงานกรมทางหลวงชนบท จ.ลำปาง กลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรม และโดยการไม่ยอมเซ็นตรวจรับงาน และบอกเลิกสัญญาประกาศให้ผู้รับเหมารายอื่นเข้ามาทำงานแทน ทั้งที่ทาง หจก.ได้ก่อสร้างเสร็จแล้วตามโครงการ มูลค่าการก่อสร้าง 4,195,000 บาท

นายชูชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดลำปาง ได้เปิดประมูลงาน โครงการรางระบายน้ำแบบปิด ในหมู่บ้านทุ่งส้าน หมู่ 1 บ้านทุ่งบอม หมู่ 11 และบ้านอุดม (ทุ่งแล้ง) หมู่ 10 ต.บ้านขอ อ.เมืองปาน จ.ลำปาง รวมระยะทาง 1,581 เมตร  ซึ่ง หจก.ทวีศักดิ์ก่อสร้างเป็นผู้ประมูลงานได้ มูลค่าการก่อสร้างเป็นเงินจำนวน 4,195,000 บาท  และได้ทำสัญญากับสำนักงานทางหลวงฯ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.55 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 8 ต.ค. 55 กำหนดงานแล้วเสร็จภาย 150 วัน ตามสัญญาเลขที่ สนง.ทชจ.ลำปาง./12/2555 ลงวันที่ 11 พ.ค.55 โดยนายพฤษก ศรีบุรี ผอ.สนง.ทางหลวงชนบท จ.ลำปาง ในขณะนั้น  เป็นผู้เซ็นสัญญาว่าจ้าง  ซึ่งในวันทำสัญญานั้นทาง หจก.ได้จ่ายค่าเซ็นสัญญาให้กับ สำนักงานทางหลวงฯ อีก 4.5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินจำนวน 188,755 บาท  โดยจ่ายเป็นเช็คมอบ เจ้าพนักงานธุรการชำนาญการ คนพี่ เป็นผู้รับเช็คไว้  จากนั้นจึงได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างทันทีจนงานแล้วเสร็จในงวดแรกตามสัญญาจึงมีการส่งมอบงานกันในงวดแรกนี้เป็นเงินจำนวน  863,092 บาท ซึ่งตนเองก็ยังคงต้องจ่ายเงินอีก 4 เปอร์เซ็นต์ ให้กับคณะกรรมตรวจรับงาน เป็นจำนวนเงิน 34,523 บาท ผ่านทาง พนักงานคนเดิม จากนั้นการดำเนินงานในงวดที่ 2 3 4 และงวดที่ 5  ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายทางบริษัทได้พยายามที่จะส่งมอบงานให้หลายครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธมาโดยตลอด โดยคณะกรรมการตรวจการจ้างอ้างว่า เพราะงานก่อสร้างไม่ถูกต้อง ไม่ได้ขนาดมิติ ตามรูปแบบรายการและรายละเอียดของสัญญา ซึ่งทาง หจก.ก็ได้ทำงานก่อสร้างเสร็จทั้งหมดวันที่ 30 พ.ย.55  

นายชูชาติ กล่าวต่อไปว่า ต่อมาได้มี ช่างควบคุมงานของสำนักงานทางหลวงชนบท แจ้งว่างานที่บ้านทุ่งบอมความลึกไม่ได้ตามแบบ ถ้าแก้ไขรางน้ำเดิมก็จะเป็นไปได้ยากจึงให้ทำรางน้ำใหม่เพิ่มที่บ้านทุ่งส้านเพิ่มเติมอีก 80 เมตร  ทางสำนักงานทางหลวงชนบทจะตรวจรับงานให้ แต่เมื่อสร้างเสร็จคณะกรรมการก็แจ้งว่างานยังไม่เรียบร้อยอีก และส่งให้แก้ไข 6-7 รายการ ซึ่งเป็นจุดเดิมๆที่เคยแก้ไขไปแล้วรวมทั้งสิ้น 5 ฉบับ 

ผมทำงานมา 40  ปี ไม่เคยเจอแบบนี้ พอมองออกว่าลักษณะเช่นนี้คณะกรรมการตรวจการจ้างกลั่นแกล้งกัน ผมได้บอกกับ ผอ.ทางหลวงชนบทในที่ประชุมว่า ขอให้ ผอ.ไปหาใครก็ได้ หรือลูกน้องของท่านที่มือดีที่สุดมาทำงานเลยก็ได้ ยินดีจะออกค่าใช้จ่ายให้ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนเป็นเรื่องเป็นราวกันมาจนถึงตอนนี้

จากกรณีดังกล่าว หจก.ทวีศักดิ์ก่อสร้าง ได้ยื่นฟ้องนายพฤษภ ศรีบุรี ผอ.สำนักงานทางหลวงชนบท จ.ลำปาง  นายชาตรี แขนงแก้ว นายช่างโยธาอาวุโส นายคมสัน ด่านพิทักษ์ นายช่างโยธาชำนาญงาน  นายสุวิทย์ กัลยารอง นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน นายศรชัย เครือปาละ นายช่างโยธาชำนาญงาน และนางวิไลวรรณ เครือปาละ เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน  รวม 6 คน ไปยังศาลปกครองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.56  ให้ตรวจรับมอบงานและจ่ายเงินค่างวดตามสัญญาจ้างที่เหลือ จำนวน 3,331,908 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น และให้ร่วมกันคืนเงินจำนวน 223,298 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นจำนวนดังกล่าว  และจ่ายเงินค่าก่อสร้างรางระบายน้ำแบบปิด ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 แจ้งให้ก่อสร้างเพิ่มเติมความยาว 80 เมตร คิดเป็นเงิน 366,991.39 บาท  พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น นับจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระครบถ้วน  และขอให้ศาลพิจารณาลดหรืองดค่าปรับตามสัญญาที่ระบุให้ผู้ฟ้องเสียค่าปรับวันละ 10,487.50 บาท เนื่องจากได้ทำงานเสร็จครบถ้วนตามสัญญาตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.55 แล้วเหตุที่ล่าช้าเกิดจากการกลั่นแกล้งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2   

นายชูชาติ กล่าวว่า วันที่ 29 ก.ค.56 สำนักงานทางหลวงฯได้มายกเลิกสัญญา ผมจึงได้ฟ้องอาญาต่อเนื่องที่ศาลจังหวัดลำปาง ในวันที่ 30 ส.ค.56  ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ละเมิด เรียกเงินคืน จำนวน 223,298 บาท ที่ทาง หจก.ได้จ่ายให้กับสำนักงานทางหลวงฯ 4.5% ตอนเซ็นสัญญา และจ่ายอีก 4 % ของเงินค่างวดแรกที่ได้รับ   ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานของศาล ซึ่งจะนัดสืบพยานในเดือน พ.ย.นี้  นอกจากนั้นตนยังได้ร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. และ ส.ต.ง.ด้วย 

“หจก.ทวีศักดิ์ก่อสร้าง เคยทำโครงการกิ่วคอหมามางบ 800 ล้าน ไม่เคยเสียงาน แต่งานนี้งบ 4 ล้านกว่า เรื่องอะไรที่จะทำให้เสียชื่อบริษัท ต้องทำงานให้เสร็จอยู่แล้วและส่งงานในเวลาที่กำหนด  แต่ก็ถูกยกเลิกสัญญาไปดื้อๆ   โดยอ้างว่า หจก.ไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง และยังทำเพิ่มอีก 80 เมตรนอกเหนือจากสัญญา และบอกว่า หจก.ขาดศักยภาพ ไม่มีความพยายามที่จะทำงานให้เสร็จโดยเร็ว ในขณะที่แจ้งว่า หจก.มีผลงานก่อสร้าง 98.5% แล้ว และยังคิดค่าปรับจำนวน 294 วัน เป็นเงิน 3,083,325 บาท  โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ผลงานส่วนใหญ่ไม่ถูกต้องตามแบบ และไม่ได้ส่งแผนและความพร้อมการดำเนินการแก้ไขให้แก่สำนักงานฯ  หจก.จึงประชุมกันกับทีมงานวิศวกร เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องมาพูดความจริงกันว่าตอนเซ็นสัญญาเราก็ถูกเรียกเงินแล้ว 4.5%  ส่งงานงวดแรกก็ให้อีก 4%  ตอนนี้พอหาทางออกไม่ได้ ก็มีการประกวดราคาใหม่ และได้บริษัทใหม่เข้ามาทำงาน งบ 2.6 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะไปทำอะไรอีก เพราะรางระบายน้ำแบบปิดที่เราได้ทำไปก่อนหน้านี้ก็ยังสภาพดีอยู่ จะทุบทิ้งแล้วให้หลวงเสียเงินอีกหรือ  ถ้าบอกว่างานเหลืออีก 1.5% ก็น่าจะเป็นจำนวนเงินเพียง 62,925 บาทเท่านั้น  ซึ่งเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการจะมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่  จึงเป็นที่มีของการที่นำข้อมูลมาเปิดเผยว่ากรมทางหลวงชนบททำอะไรอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องการที่จะตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อความยุติธรรมของ หจก. รวมถึงความโปร่งใสและผลประโยชน์ของทางราชการ การเบียดบังเงินหลวง เอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมารายใหม่ด้วยค่างานก่อสร้างที่เกินจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการฮั้วกันเองหรืออย่างไร”  นายชูชาติ กล่าว        

ด้านนายพฤษภ ศรีบุรี ผอ.สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 เนื่องจากช่วงเกิดเหตุดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ทางผู้รับเหมาอ้างว่าถูกทางสำนักงานทางหลวงชนบทลำปางกลั่นแกล้ง และเรียกรับผลประโยชน์ โดยไม่เป็นธรรม ซึ่งที่แท้จริงแล้วก็เนื่องมาจากทางผู้รับเหมาทำก่อสร้างผิดแบบเอง โดยบางช่วงบางตอน มีความลึกไม่ได้ระดับตามที่ตกลงกันในสัญญา  เมื่อ ให้มาแก้ไขก็กับไปว่าจ้างชาวบ้านในละแวกนั้นมาขุดเจาะทำการฉาบปูนเสียใหม่ แต่ก็ยังคงไม่ได้มาตรฐานเช่นเดิมเราจึงไม่มีการตรวจรับงานกัน และถึงแม้ว่าทางผู้รับเหมาจะมาอ้างว่า มีการก่อสร้างเพิ่มเติมให้อีก 80 เมตร นั่นก็ไม่ใช้เป็นการแก้ปัญหาเพราะว่าเจ้าตัวเค้ารู้ดีว่าไม่สามารถที่จะปรับ แก้รางระบายน้ำในสัญญาให้ได้ จึงขอทำเพิ่มเติมให้ใหม่ เมื่อทำผิดกติกาก็บอกเลิกสัญญาก็เท่านั้น ไม่มีการกลั่นแกล้งใดๆทั้งสิ้น ซึ่งการประกาศประกวดราคาหาผู้ประมูลรายใหม่เข้ามาทำงานแทน เนื่องจากหากจะปล่อยทิ้งงานที่ไม่เรียบร้อยเอาไว้ อาจเกิดอันตรายต่อชาวบ้านที่ต้องใช้เส้นทางนั้นได้ ส่วนเรื่องที่มาอ้างว่าทางสำนักงานทางหลวงชนบทลำปางเรียกรับผลประโยชน์ขอ ปฏิเสธเช่นกัน เพราะตั้งแต่วันที่เปิดประมูลงาน จนถึงวันเซ็นสัญญา และบอกเลิกสัญญากัน ตนเองก็ไม่เคยรู้จักกับเจ้าของธุรกิจนี้เลย ดังนั้นการเรียกรับเผลประโยชน์ 4.5 เปอร์เซ็นต์ในวันเซ็นสัญญา และอีก 4 เปอร์เซ็นต์ในวันที่ตรวจรับงานงวดแรกนั้น จึงไม่น่าจะเป็นความจริง และตนก็ไม่ทราบด้วยว่าจะมีใครไปเรียกรับเงินจากผู้รับเหมารายนี้แต่อย่างใด ด้วยเช่นกัน ส่วนในทางคดีนั้นเราก็ต้องให้เป็นไปตามเอกสารหลักฐานเราพร้อมสู้คดี เพราะเราเชื่อในความบริสุทธิ์ และเชื่อความยุติธรรมของศาลทุกแห่งที่ทางบริษัทฟ้องร้องกับเราอยู่ขณะนี้


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 994 ประจำวันที่5 - 11 กันยายน 2557)


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์