วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

70%ลำปางบ้านเฮา เด็กวัยเรียนอยู่ก่อนแต่ง


เด็กลำปางน่าห่วง อยู่ก่อนแต่งกว่าร้อยละ 70  โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษาและอาชีวะ มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันร้อยละ 30  ขณะที่เด็ก ม.ปลายส่อติดโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาเล่นอินเตอร์เน็ตถึงวันละ 10-12 ชั่วโมง 

โครงการพัฒนาเครือข่ายและกลไกการศึกษาสภาวการณ์และขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนระดับภาคเหนือ (Child Watch) ได้ดำเนินการสำรวจสภาวการณ์เด็กและเยาวชนจังหวัดลำปาง ในระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน พ.ศ.2556 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ซึ่งครอบคลุมเด็กและเยาวชนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา

จากการจัดลำดับสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัดภาคเหนือ 15 จังหวัด พบว่า ลำปางมีสภาวการณ์เด็กและเยาวชนที่มาเป็นอันดับ 1 ของภาคเหนือในหลายๆด้าน ประกอบด้วย ด้านชีวิตกับการเรียนรู้  ด้านชีวิตกับความแข็งแรงการบริโภค และความปลอดภัย ด้านชีวิตกับความเครียดและสุขภาพจิต และด้านชีวิตทางเพศ  ส่วนที่มาเป็นอันดับที่ 2 คือ ด้านชีวิตกับคุณธรรมจริยธรรม และด้านชีวิตกับครอบครัว  สำหรับด้านชีวิตกับอบายมุข และด้านชีวิตกับความรุนแรงมาเป็นอันดับ 7 ของภาคเหนือ นอกจากนั้น ในด้านชีวิตกับสื่อพบว่าเด็กและเยาวชนจังหวัดลำปาง ใช้เวลาดูโทรทัศน์ วีดีโอ วีซีดี ดีวีดี และละครซีรีย์ คุยโทรศัพท์ เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผ่านโทรศัพท์มือถือ ร่วมเฉลี่ย 12 ชั่วโมงต่อวัน 

ผศ.จำลอง คำบุญชู  หัวหน้าโครงการพัฒนาเครือข่ายและกลไกการศึกษาสภาวการณ์และขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนภาคเหนือ เปิดเผยว่า  โครงการ Child Watch ภาคเหนือ ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.ในการเก็บข้อมูลเด็กและเยาชนภาคเหนือในช่วงตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี  จากการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างของ จ.ลำปางพบว่า ประเด็นที่น่าสนใจคือ ด้านชีวิตทางเพศ ซึ่งถือว่ามาเป็นอับดับ 1 ของภาค  โดยเด็กที่ยอมรับว่าเคยมีเพศสัมพันธ์พบในระดับอุดมศึกษาสูงถึงร้อยละ 51.91 ในขณะที่ใช้ถุงยางอนามัยและคุมกำเนิดเพียงร้อยละ 20.43 เท่านั้น  ระดับอาชีวะ พบร้อยละ 45.73  ใช้ถุงยางและคุมกำเนิดร้อยละ 33.33  นอกจากนั้นยังพบเด็กนิยมอยู่ก่อนแต่งงานในระดับอุดมศึกษาสูงถึงร้อยละ 70.31 และระดับอาชีวะร้อยละ  53.27   ส่วนเด็กที่นิยมดูสื่อลามก ระดับอุดมศึกษามีร้อยละ 60.71 ระดับอาชีวะ 51.50 และระดับ ม.ปลาย ร้อยละ 52 

ด้านชีวิตกับสื่อ ได้นำเสนอการใช้เวลาอยู่กับสื่อใน 1 วัน  เช่น การดูโทรทัศน์ การคุยโทรศัพท์ การเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คผ่านมือถือ การเล่นอินเตอร์เน็ต จ.ลำปาง เฉลี่ย 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยในกลุ่มเด็ก ม.ปลาย จะมีโทรศัพท์เป็นของตัวเองสูงที่สุด ร้อยละ 98 ใช้เวลาคุยโทรศัพท์เฉลี่ยวันละ 102 นาที ใช้เวลาเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คผ่านมือถือเฉลี่ยวันละ 247.95 นาที  ใช้เวลาเล่นอินเตอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 254.12 นาที  ใช้เวลาดูโทรทัศน์ เฉลี่ยวันละ 182.24 นาที  ส่วนเด็กระดับอาชีวะจะมุ่งเน้นด้านการเล่นอินเตอร์เน็ตทางคอมพิวเตอร์มากกว่าเฉลี่ยวันละ 286.03 นาที  เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ 233.37 นาที และดูโทรทัศน์ 182.17 นาที  สำหรับระดับอุดมศึกษา จะใช้อินเตอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์สูงที่สุดเฉลี่ยวันละ 286.03 นาที  เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ 211.78 นาที  และดูโทรทัศน์ 164.28 นาที  

ผศ.จำลอง กล่าวต่อไปว่า ส่วนใหญ่เด็กที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่จะมีพฤติกรรมเสี่ยงสูงกว่าเด็กที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่ เช่น ร้อยละของเด็กที่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่อาศัยกับพ่อแม่เคยมีเพศสัมพันธ์ถึงร้อยละ 33.60  ต่างจากเด็กที่อยู่อาศัยกับพ่อแม่ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 26.21  นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กที่ใช้ความรุนแรง เช่นเคยชกต่อย ตบ ตี หรือทะเลาะวิวาทกับเพื่อน ผลสำรวจพบว่าในจำนวนเด็กที่เคยใช้ความรุนแรงดังกล่าวเป็นเด็กที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับครอบครัว ถึงร้อยละ 34.44  มากกว่าเด็กที่อยู่อาศัยกับพ่อแม่ที่มีร้อยละ 29.29 

ครอบครัวนับว่าเป็นส่วนสำคัญส่วนที่เป็นทั้งปัจจัยสร้างและปัจจัยเสี่ยงของเด็กภาคเหนือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าครอบครัวจะเป็นหัวใจหลักของชีวิตเด็กเพียงอย่างเดียว ภาวะแวดล้อมอื่นๆก็มีส่วนสำคัญต่อการบ่มเพาะและเจริญเติบโตของเด็กทั้งทางร่างกาย สติปัญญาและจิตใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่แล้วจะต้องเสี่ยงทั้งหมด  ในบางกรณีที่อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่  เขาก็อาจตกอยู่ภาวะเสี่ยงได้  หากไม่ได้รับความดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด  ผศ.จำลอง คำบุญชูกล่าว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 997 ประจำวันที่ 3 - 9 ตุลาคม  2557)

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์