วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ม็อบต้านคุณนายคุมบริหารผดุงวิทย์ เจ้าอาวาสยันสีกาไม่เกี่ยว



 
ครู นักเรียน โรงเรียนผดุงวิทย์ สุดทนผู้รับใบอนุญาตให้คนนอกซึ่งเป็นภรรยานายตำรวจ เข้าบงการงานบริหารในโรงเรียน  ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่มีความเป็นผู้นำ ต้องรับฟังคำสั่งของคุณนาย  เผยขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาโรงเรียนแต่ไม่เคยได้รับ กิจกรรมต่างๆที่เคยทำก็ถูกยกเลิกไปทั้งหมด สร้างความอึดอัดให้กับคณะครูและนักเรียน   จึงรวมตัวกว่า 1,700  คน ชูป้ายประท้วง ยื่นข้อเสนอ 12 ข้อ พร้อมให้ปลดคุณนายคนดังกล่าว ออกจากการบริหารโรงเรียน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ด้านเจ้าอาวาสวัดขอชี้แจงทุกข้อกล่าวหา พร้อมปฏิเสธสีกา ภรรยา รอง.ผกก.ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนแต่อย่างใด เพียงแต่มาดูแลสุขภาพให้กับเจ้าอาวาสเท่านั้น

เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 16 ธ.ค.2557 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนผดุงวิทย์ (วัดศรีบุญเรือง) ถ.ท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้มีกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตั้งแต่ ชั้น ม.1 ถึง ม.3 ประมาณ 100 คนพากันชูป้ายประท้วงผู้บริหารโรงเรียนถึงความไม่โปร่งใส่ในการทำงาน โดยมีนายนราดรณ์ วงศ์สวัสดิ์ ครูสอนคอมพิวเตอร์ นายสัมฤทธิ์ แสงธรรม ครูสอนวิชาพลศึกษา  และนายพิศิษฐ์ ทินเรืองสิริ ประธานนักเรียน เป็นแกนนำ  พร้อมชูป้ายที่เขียนด้วยลายมือโจมตีพระประภัศร์บุญกิจ เจ้าอาวาสวัดและผู้รับใบอนุญาต  ที่ ให้คนนอกซึ่งเป็นภรรยา ของ รอง.ผกก.ท่านหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) เข้ามาบริหารโรงเรียนทั้งที่ไม่มีความรู้ในด้านการศึกษาเลย อีกทั้งยังไม่มีการสนับสนุนด้านการศึกษาและตัดงบประมาณที่ขอไปทั้งหมด ทำให้นักเรียนไม่ได้รับการพัฒนาตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ รวมทั้งเจ้าอาวาสและผู้รับใบอนุญาตก็ยังไม่ยอมมาเข้าร่วมประชุมกับคณะครูเลย แม้แต่ครั้งเดียว

จากนั้นกลุ่มนักเรียนทั้งหมดได้พากันชูป้าย เดินเข้าไปในวัดซึ่งเป็นสถานศึกษาไปสมทบกับเด็กนักเรียนตั้งชั้นระดับอนุบาล 1ถึง ชั้น ป .5 ที่นั่งรออยู่ที่ลานเอนกประสงค์หน้าห้องเรียนประมาณ 1,700 คน พร้อมกับคณะครูอีกกว่า 100 คน ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นบรรดานักเรียนได้พากันโห่ร้องขอพบกับพระพระประภัศร์บุญกิจ เจ้าอาวาสวัดและผู้รับใบอนุญาต เพื่อออกมาชี้แจงถึงข้อกังขาทั้งหมด โดยมีกลุ่มครูที่เป็นแกนนำคอยให้คำแนะนำกับกลุ่มนักเรียน ท่ามกลางเสียงจอแจของเด็กนักเรียนที่พูดคุยและเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ สนใจว่าใครจะทำอะไร

นายนราดรณ์ วงศ์สวัสดิ์ ครูสอนคอมพิวเตอร์ และ นายสัมฤทธิ์ แสงธรรม ครูสอนวิชาพลศึกษา ได้ร่วมกันเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางคณะครูและนักเรียนทั้งหมดทนต่อพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาทางครูผู้สอนเกือบทั้งหมดได้รับความกดดันจากผู้รับใบอนุญาต และ นายนเรศ อุทโยธา ผอ.โรงเรียนที่ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นภรรยาของ รอง.ผกก.ท่านหนึ่งเข้ามามีบทบาทและทำหน้าที่ตรวจสอบกลุ่มครู  และหากมีครูท่านใดไปสอบถามครูคนนั้นก็จะถูกสลับตำแหน่งหน้าที่ ย้ายไปทำงานด้านอื่นที่ไม่ตรงกับสายงานของตัวเอง รวมทั้งไม่มีการพัฒนาในด้านสื่อการเรียน การสอน อีกทั้งยังตัดงบประมาณต่างๆที่ขอไปออกจนหมดโดยไม่ให้เหตุผล ทำให้การพัฒนานักเรียนไปเป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด นอกจากนี้ทางพระประภัศร์บุญกิจ ก็ยังไม่สามารถจะร่วมทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน หรือของชุมชนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ทางประธานชุมชนรวมทั้งคณะศรัทธาญาติโยมที่เคยอุปถัมภ์วัด เกิดความเบื่อหน่ายจนทนไม่ไหวเลยพากันรวมตัวเพื่อประท้วง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุทั้งหมด

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้ขอเข้าพบกับพระประภัศร์บุญกิจ ผู้ใบอนุญาตเพื่อขอคำชี้แจงต่อปัญหาทั้งหมด ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า การที่มีกลุ่มครูและนักเรียนมาประท้วงในวันนี้ก็สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้ อาตมาได้ให้พระมหาสุทิน สุทิโน รองเจ้าอาวาสวัดเป็นผู้บริหารโรงเรียนทั้งหมด และก็ทราบดีว่าในการบริหารในยุคนั้นมีครูกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมอยู่ด้วย  ทำให้การดำเนินงานการบริหารต่อๆมาเกิดการสะดุดลง ไม่ว่าจะเป็นเงินออมทรัพย์ของเด็กนักเรียน หรือแม้แต่เงินค่าช่วยเหลือการศึกษาจากกระทรวงฯ ซึ่งรวมแล้วก็ประมาณกว่า 22 ล้านบาทก็ขาดหายไปจนเมื่อปี 2555 ทางพระมหาสุทิน ก็มีหนังสือมายังอาตมาขอชี้แจงว่า ได้ยืมเงินสำรองจากฝ่ายการเงินของโรงเรียน เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อใช้จ่ายในโรงเรียนและจ่ายในกิจการของวัด ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการหักล้างเงินยืมในส่วนที่รับไป รวมยอดเงินทั้งสิ้น 4,336,928,81 บาท แต่ต่อมาคืนเงินจำนวน 500,000 บาทให้กับทางโรงเรียนแล้ว จึงคงยังค้างเงินอยู่อีก 3,836,928,81 บาท ซึ่งจะได้ดำเนินการหามาคืนให้ต่อไป จากนั้นทางพระมหาสุทินก็ออกจากวัดไปจนถึงวันนี้

พระ ประภัศร์บุญกิจ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นอาตมาก็ต้องเข้ามาดำเนินการแทนทั้งหมดโดยพยายามที่จะปรับเปลี่ยนการ บริหารภายในโรงเรียนเสียใหม่ โดยการปรับเปลี่ยนหน้าที่ของครูบางคนให้เข้ารูปเข้ารอย และพยายามหาเงินมาบริหารโรงเรียนให้เดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด ส่วนข้อกล่าวหาในเรื่องของงบประมาณต่างๆที่ทางครูทำเรื่องเสนอมานั้นอาตมา ตรวจดูแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ขอลดงบลงเพราะบางเรื่องอาจใช้เงินเพียง 1-2หมื่นบาท แต่ก็ทำเรื่องขอมามากถึง 1 แสนบาท ส่วนเรื่องขอความจำเป็นที่ต้องติดกล้องวงจรปิดในห้องเรียนและตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตในห้อง ทุกชั้นเรียนนั้นก็มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก  ที่ผ่านมาหลังจากตรวจดูผลการเรียนของเด็กแล้ว จึงพบว่ามีผลการเรียนที่ตกต่ำไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากพบว่าครูบางคนไม่สนใจในการสอน เอาเวลาไปทำงานรับเหมาก่อสร้าง บางคนไปรับจ้างขับรถ หรือเอาเวลาสอนไปเดินตามห้างต่างๆ ทำให้ส่งผลเสียมาถึงสถานศึกษา จึงจำเป็นต้องควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิดให้มากขึ้น

และข้อกล่าวหาถึงโยมผู้หญิงท่านหนึ่งที่เป็นภรรยาของรอง.ผกก.ที่เข้ามาบริหารโรงเรียนแทนอาตมานั้นก็ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด เนื่องจากภรรยาของรอง.ผกก.คนดังกล่าว ได้รู้จักกับอาตมามานานกว่า 20 ปี แล้ว ตั้งแต่อาตมาเป็นพระอยู่ตามป่าเขา เมื่ออาตมาเข้ามารับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง และผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนฯ  สีกาคนดังกล่าวก็ยังคงมาคอยดูแลเรื่องสุขภาพอาตมาอยู่เป็นประจำ โดยไม่เคยให้เข้าไปทำกิจกรรมใดๆของทางโรงเรียนเลย ซึ่งเรื่องนี้ตนถือว่าเป็นการใส่ร้ายกันมากกว่า และอาตมาก็พร้อมจะไปพบเพื่อชี้แจงใดกับครูและนักเรียนทั้งหมดให้เข้าใจ โดยจะไม่ขับไล่ครูคนไหนออกจากโรงเรียนทั้งสิ้นเพราะตนถือว่าเป็นการเข้าใจผิดจากผู้ที่เคยได้รับผลประโยชน์มาก่อนหน้านี้เท่านั้น

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ทางคณะครู ได้จัดทำหนังสือข้อตกลงร่วมกัน  ประกอบด้วย 1.ไม่ให้บุคคลภายนอกมายุ่งเกี่ยวภายในโรงเรียน 2.ให้ผู้อำนวยการโรงเรียน และบุคลากรที่ไม่มีวุฒิครู ที่เห็นว่าจะก่อให้เกิดความเดือดร้อน วุ่นวายในโรงเรียนพ้นสภาพออกไป  3.ให้ผู้จัดการรับฟังข้อเสนอของครู 4.ให้ครูมีส่วนร่วมในการคัดเลือกคณะกรรมการโรงเรียน  5.ให้ครูมีส่วนเกี่ยวข้องในการคัดเลือกผู้รับมอบอำนาจ จากผู้มีใบอนุญาต  6.ไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆกับการกระทำในครั้งนี้  7.การดำเนินการข้อ 1-6 เป็นการเห็นชอบทุกฝ่าย ไม่เป็นการบังคับขู่เข็นใดๆ  จากนั้น คณะครูทั้งหมดจึงได้เซ็นชื่อ เพื่อยื่นให้พระประภัศร์ บุญกิจ ผู้จัดการ และผู้รับใบอนุญาตต่อไป  โดยทราบต่อมาว่า พระประภัศร์ ยังไม่มีการเซ็นชื่อยินยอมหนังสือข้อตกลงแต่อย่างใด

ต่อมา ตัวแทนครูและนักเรียน ได้พากันไปยื่นหนังสือถึง นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง โดยมี นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มารับเรื่องแทน ก่อนจะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม

 และในวันที่ 17 ธ.ค.2557 ทางโรงเรียนผดุงวิทย์ ได้มีการหยุดเรียนเพื่อพูดคุยถึงปัญหา ร่วมกับเจ้าหน้าที่นิติกร จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 และสำนักพุทธศาสนา เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด โดยจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 23 ธ.ค.57 นี้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1009 ประจำวันที่ 19 - 25 ธันวาคม  2557)   
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์