ครู
นักเรียน โรงเรียนผดุงวิทย์ สุดทนผู้รับใบอนุญาตให้คนนอกซึ่งเป็นภรรยานายตำรวจ
เข้าบงการงานบริหารในโรงเรียน
ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่มีความเป็นผู้นำ ต้องรับฟังคำสั่งของคุณนาย
เผยขอความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาโรงเรียนแต่ไม่เคยได้รับ
กิจกรรมต่างๆที่เคยทำก็ถูกยกเลิกไปทั้งหมด
สร้างความอึดอัดให้กับคณะครูและนักเรียน
จึงรวมตัวกว่า 1,700 คน ชูป้ายประท้วง ยื่นข้อเสนอ 12
ข้อ พร้อมให้ปลดคุณนายคนดังกล่าว ออกจากการบริหารโรงเรียน เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
ด้านเจ้าอาวาสวัดขอชี้แจงทุกข้อกล่าวหา พร้อมปฏิเสธสีกา ภรรยา รอง.ผกก.ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนแต่อย่างใด
เพียงแต่มาดูแลสุขภาพให้กับเจ้าอาวาสเท่านั้น
เมื่อเวลา
08.00น.วันที่ 16 ธ.ค.2557 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนผดุงวิทย์ (วัดศรีบุญเรือง) ถ.ท่าคราวน้อย
ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้มีกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตั้งแต่ ชั้น ม.1 ถึง
ม.3 ประมาณ 100
คนพากันชูป้ายประท้วงผู้บริหารโรงเรียนถึงความไม่โปร่งใส่ในการทำงาน
โดยมีนายนราดรณ์ วงศ์สวัสดิ์ ครูสอนคอมพิวเตอร์ นายสัมฤทธิ์ แสงธรรม
ครูสอนวิชาพลศึกษา และนายพิศิษฐ์ ทินเรืองสิริ
ประธานนักเรียน เป็นแกนนำ พร้อมชูป้ายที่เขียนด้วยลายมือโจมตีพระประภัศร์บุญกิจ
เจ้าอาวาสวัดและผู้รับใบอนุญาต ที่
ให้คนนอกซึ่งเป็นภรรยา
ของ รอง.ผกก.ท่านหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ)
เข้ามาบริหารโรงเรียนทั้งที่ไม่มีความรู้ในด้านการศึกษาเลย
อีกทั้งยังไม่มีการสนับสนุนด้านการศึกษาและตัดงบประมาณที่ขอไปทั้งหมด
ทำให้นักเรียนไม่ได้รับการพัฒนาตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้
รวมทั้งเจ้าอาวาสและผู้รับใบอนุญาตก็ยังไม่ยอมมาเข้าร่วมประชุมกับคณะครูเลย
แม้แต่ครั้งเดียว
จากนั้นกลุ่มนักเรียนทั้งหมดได้พากันชูป้าย
เดินเข้าไปในวัดซึ่งเป็นสถานศึกษาไปสมทบกับเด็กนักเรียนตั้งชั้นระดับอนุบาล 1ถึง
ชั้น
ป .5 ที่นั่งรออยู่ที่ลานเอนกประสงค์หน้าห้องเรียนประมาณ 1,700 คน
พร้อมกับคณะครูอีกกว่า 100 คน ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นบรรดานักเรียนได้พากันโห่ร้องขอพบกับพระพระประภัศร์บุญกิจ
เจ้าอาวาสวัดและผู้รับใบอนุญาต เพื่อออกมาชี้แจงถึงข้อกังขาทั้งหมด
โดยมีกลุ่มครูที่เป็นแกนนำคอยให้คำแนะนำกับกลุ่มนักเรียน
ท่ามกลางเสียงจอแจของเด็กนักเรียนที่พูดคุยและเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่
สนใจว่าใครจะทำอะไร
นายนราดรณ์
วงศ์สวัสดิ์ ครูสอนคอมพิวเตอร์ และ นายสัมฤทธิ์ แสงธรรม ครูสอนวิชาพลศึกษา
ได้ร่วมกันเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
ทางคณะครูและนักเรียนทั้งหมดทนต่อพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริหารโรงเรียนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
เนื่องจากที่ผ่านมาทางครูผู้สอนเกือบทั้งหมดได้รับความกดดันจากผู้รับใบอนุญาต และ
นายนเรศ อุทโยธา ผอ.โรงเรียนที่ให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นภรรยาของ
รอง.ผกก.ท่านหนึ่งเข้ามามีบทบาทและทำหน้าที่ตรวจสอบกลุ่มครู และหากมีครูท่านใดไปสอบถามครูคนนั้นก็จะถูกสลับตำแหน่งหน้าที่
ย้ายไปทำงานด้านอื่นที่ไม่ตรงกับสายงานของตัวเอง รวมทั้งไม่มีการพัฒนาในด้านสื่อการเรียน
การสอน อีกทั้งยังตัดงบประมาณต่างๆที่ขอไปออกจนหมดโดยไม่ให้เหตุผล
ทำให้การพัฒนานักเรียนไปเป็นไปตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
นอกจากนี้ทางพระประภัศร์บุญกิจ ก็ยังไม่สามารถจะร่วมทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน
หรือของชุมชนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ทางประธานชุมชนรวมทั้งคณะศรัทธาญาติโยมที่เคยอุปถัมภ์วัด
เกิดความเบื่อหน่ายจนทนไม่ไหวเลยพากันรวมตัวเพื่อประท้วง เพื่อสอบถามถึงสาเหตุทั้งหมด
ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้ขอเข้าพบกับพระประภัศร์บุญกิจ
ผู้ใบอนุญาตเพื่อขอคำชี้แจงต่อปัญหาทั้งหมด ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า
การที่มีกลุ่มครูและนักเรียนมาประท้วงในวันนี้ก็สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้
อาตมาได้ให้พระมหาสุทิน สุทิโน รองเจ้าอาวาสวัดเป็นผู้บริหารโรงเรียนทั้งหมด
และก็ทราบดีว่าในการบริหารในยุคนั้นมีครูกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลประโยชน์ร่วมอยู่ด้วย ทำให้การดำเนินงานการบริหารต่อๆมาเกิดการสะดุดลง
ไม่ว่าจะเป็นเงินออมทรัพย์ของเด็กนักเรียน หรือแม้แต่เงินค่าช่วยเหลือการศึกษาจากกระทรวงฯ
ซึ่งรวมแล้วก็ประมาณกว่า 22 ล้านบาทก็ขาดหายไปจนเมื่อปี 2555 ทางพระมหาสุทิน
ก็มีหนังสือมายังอาตมาขอชี้แจงว่า ได้ยืมเงินสำรองจากฝ่ายการเงินของโรงเรียน
เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อใช้จ่ายในโรงเรียนและจ่ายในกิจการของวัด
ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการหักล้างเงินยืมในส่วนที่รับไป รวมยอดเงินทั้งสิ้น
4,336,928,81 บาท แต่ต่อมาคืนเงินจำนวน 500,000 บาทให้กับทางโรงเรียนแล้ว
จึงคงยังค้างเงินอยู่อีก 3,836,928,81 บาท ซึ่งจะได้ดำเนินการหามาคืนให้ต่อไป
จากนั้นทางพระมหาสุทินก็ออกจากวัดไปจนถึงวันนี้
พระ
ประภัศร์บุญกิจ
กล่าวต่อไปว่า
จากนั้นอาตมาก็ต้องเข้ามาดำเนินการแทนทั้งหมดโดยพยายามที่จะปรับเปลี่ยนการ
บริหารภายในโรงเรียนเสียใหม่
โดยการปรับเปลี่ยนหน้าที่ของครูบางคนให้เข้ารูปเข้ารอย
และพยายามหาเงินมาบริหารโรงเรียนให้เดินหน้าต่อไปได้โดยไม่สะดุด
ส่วนข้อกล่าวหาในเรื่องของงบประมาณต่างๆที่ทางครูทำเรื่องเสนอมานั้นอาตมา
ตรวจดูแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ขอลดงบลงเพราะบางเรื่องอาจใช้เงินเพียง
1-2หมื่นบาท แต่ก็ทำเรื่องขอมามากถึง 1 แสนบาท ส่วนเรื่องขอความจำเป็นที่ต้องติดกล้องวงจรปิดในห้องเรียนและตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตในห้อง
ทุกชั้นเรียนนั้นก็มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก
ที่ผ่านมาหลังจากตรวจดูผลการเรียนของเด็กแล้ว จึงพบว่ามีผลการเรียนที่ตกต่ำไม่ได้มาตรฐาน
เนื่องจากพบว่าครูบางคนไม่สนใจในการสอน เอาเวลาไปทำงานรับเหมาก่อสร้าง
บางคนไปรับจ้างขับรถ หรือเอาเวลาสอนไปเดินตามห้างต่างๆ
ทำให้ส่งผลเสียมาถึงสถานศึกษา จึงจำเป็นต้องควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิดให้มากขึ้น
และข้อกล่าวหาถึงโยมผู้หญิงท่านหนึ่งที่เป็นภรรยาของรอง.ผกก.ที่เข้ามาบริหารโรงเรียนแทนอาตมานั้นก็ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใด
เนื่องจากภรรยาของรอง.ผกก.คนดังกล่าว ได้รู้จักกับอาตมามานานกว่า 20 ปี แล้ว
ตั้งแต่อาตมาเป็นพระอยู่ตามป่าเขา
เมื่ออาตมาเข้ามารับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง
และผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนฯ สีกาคนดังกล่าวก็ยังคงมาคอยดูแลเรื่องสุขภาพอาตมาอยู่เป็นประจำ
โดยไม่เคยให้เข้าไปทำกิจกรรมใดๆของทางโรงเรียนเลย ซึ่งเรื่องนี้ตนถือว่าเป็นการใส่ร้ายกันมากกว่า
และอาตมาก็พร้อมจะไปพบเพื่อชี้แจงใดกับครูและนักเรียนทั้งหมดให้เข้าใจ
โดยจะไม่ขับไล่ครูคนไหนออกจากโรงเรียนทั้งสิ้นเพราะตนถือว่าเป็นการเข้าใจผิดจากผู้ที่เคยได้รับผลประโยชน์มาก่อนหน้านี้เท่านั้น
ทั้งนี้
ในเบื้องต้น ทางคณะครู ได้จัดทำหนังสือข้อตกลงร่วมกัน ประกอบด้วย 1.ไม่ให้บุคคลภายนอกมายุ่งเกี่ยวภายในโรงเรียน
2.ให้ผู้อำนวยการโรงเรียน และบุคลากรที่ไม่มีวุฒิครู ที่เห็นว่าจะก่อให้เกิดความเดือดร้อน
วุ่นวายในโรงเรียนพ้นสภาพออกไป 3.ให้ผู้จัดการรับฟังข้อเสนอของครู 4.ให้ครูมีส่วนร่วมในการคัดเลือกคณะกรรมการโรงเรียน
5.ให้ครูมีส่วนเกี่ยวข้องในการคัดเลือกผู้รับมอบอำนาจ
จากผู้มีใบอนุญาต 6.ไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆกับการกระทำในครั้งนี้
7.การดำเนินการข้อ 1-6
เป็นการเห็นชอบทุกฝ่าย ไม่เป็นการบังคับขู่เข็นใดๆ จากนั้น คณะครูทั้งหมดจึงได้เซ็นชื่อ
เพื่อยื่นให้พระประภัศร์ บุญกิจ ผู้จัดการ และผู้รับใบอนุญาตต่อไป โดยทราบต่อมาว่า พระประภัศร์
ยังไม่มีการเซ็นชื่อยินยอมหนังสือข้อตกลงแต่อย่างใด
ต่อมา
ตัวแทนครูและนักเรียน ได้พากันไปยื่นหนังสือถึง นายธานินทร์ สุภาแสน
ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง โดยมี นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
มารับเรื่องแทน ก่อนจะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม
และในวันที่ 17 ธ.ค.2557 ทางโรงเรียนผดุงวิทย์
ได้มีการหยุดเรียนเพื่อพูดคุยถึงปัญหา ร่วมกับเจ้าหน้าที่นิติกร
จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 และสำนักพุทธศาสนา
เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด
โดยจะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 23 ธ.ค.57 นี้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1009 ประจำวันที่ 19 - 25 ธันวาคม 2557)