วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ถึงเวลาไปร้านหนังสือเล็กๆ

            
            
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ร้านหนังสือเป็นหลักฐานที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้น ที่บอกให้รู้ว่า มนุษย์นั้นยังคิดอยู่
           
สำหรับประเทศไทยมีร้านหนังสือหลายร้าน แต่ส่วนใหญ่เป็นร้านแบบ Chain Store รายใหญ่เพียง 2-3 ราย ทำให้ช่องทางการจัดจำหน่ายของสำนักพิมพ์ขนาดเล็กถูกบีบด้วยค่าใช้จ่ายในการจัดการจากร้านหนังสือ Chain Store โอกาสที่หนังสือดีๆ จากสำนักพิมพ์เล็กๆ จะได้ไปวางขายในร้านใหญ่จึงมีน้อยมาก ยังไม่นับว่าการบริการที่แสนจืดชืดและเฉยชาของร้านใหญ่ ซึ่งไม่เหมือนร้านหนังสืออิสระขนาดเล็กที่มีเสน่ห์กว่า ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตกแต่งร้านอย่างมีชีวิตชีวา หรือแม้แต่บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความเป็นกันเองและอบอุ่น
           
หากเทียบกับอดีต น่าดีใจที่ตอนนี้ประเทศไทยเรามีร้านหนังสืออิสระเพิ่มขึ้นไม่น้อย จนเมื่อปี พ.. 2556 สำนักพิมพ์ขนาดเล็กและร้านหนังสืออิสระได้ร่วมกันจัดตั้งเครือข่ายธุรกิจร้านหนังสืออิสระขึ้น เพื่อร่วมกันจัดงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระครั้งแรก โดยมีสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เป็นหัวเรือใหญ่ และจัดต่อเนื่องมาปีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงผลตอบรับที่ดีไม่น้อย ซึ่งไม่เพียงทำให้ร้านหนังสืออิสระอยู่ได้ แต่ยังทำให้สำนักพิมพ์ขนาดเล็กได้มีพื้นที่ในการขายหนังสือ ขณะเดียวกันนักอ่านก็มีทางเลือกที่หลากหลายขึ้น
           
สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ครั้งที่ 3 กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 20-28 มิถุนายนนี้ โดยมีร้านหนังสือ 54 ร้านจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศร่วมจัดงานในร้านของตนเอง ทุกร้านจะงัดกลยุทธ์จูงใจนักอ่าน ด้วยการแปลงโฉมร้านของตนเพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ หลายร้านนิยมจัดกิจกรรมเสวนากับนักเขียน ไม่ก็เล่นดนตรี หรือฉายหนัง
           
น่าดีใจที่เมืองลำปางเราก็มีร้านหนังสือร้านหนึ่งเข้าร่วมงานสัปดาห์หนังสืออิสระครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน ร้านหนังสือแห่งนี้ ชื่อ ร้านหนังสือเล็กๆที่รัก (Little Lovely Book Shop)
           
ใครจะคิดว่า ร้านหนังสือกับคลินิกรักษาสัตว์จะใช้พื้นที่ร่วมกันได้ แต่สำหรับนายสัตวแพทย์พงษ์ประสิทธิ์  พงษ์พิจิตร หรือหมอมิ้น ตึกแถวสามชั้น สองคูหา ย่านสามแยกโรงน้ำแข็งแห่งนี้ คือส่วนผสมอันลงตัวระหว่างบ้าน อาชีพ และความฝัน
           
ร้านหนังสือเล็กๆที่รัก เกิดจากการเป็นนักอ่านตัวยงของหมอมิ้น ซึ่งเกิดและเติบโตท่ามกลางหนังสือในร้านหนังสือเช่า อันเป็นธุรกิจเดิมของครอบครัว กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว หมอมิ้นตัดสินใจเปิดร้านหนังสือเล็กๆ บนชั้นสองของคลินิกบ้านรักษาสัตว์ โดยหนังสือส่วนใหญ่ที่วางขายในระยะแรก คือวรรณกรรมเยาวชนของสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ตามความชอบของตนเอง ต่อมาจึงค่อยๆ ขยับขยายคัดหนังสือโดยอาศัยสัญชาตญาณความเป็นนักอ่าน ซึ่งมองแล้วว่าหนังสือเล่มนั้นจะอยู่เหนือกาลเวลา
           
หนังสือทุกเล่มจึงถูกจัดวางอย่างประณีต เพราะหมอมิ้นเชื่อว่า หนังสือบางเล่มควรต้องอยู่บนชั้นนานสักหน่อย เพื่อรอคอยนักอ่านสักคนมาพบเจอ หนังสือส่วนใหญ่ยังคงเป็นงานวรรณกรรมดีๆ และมีความน่าสนใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหนังสือที่หมอมิ้นเคยอ่านทั้งสิ้น เช่นนี้ ไม่ว่าเราจะหยิบจับหนังสือเล่มไหน เจ้าของร้านคนนี้ก็สามารถให้คำแนะนำได้หมด
           
สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระ ครั้งที่ 3 ร้านหนังสือเล็กๆ ที่รักจะจัดกิจกรรมให้ลูกค้านักอ่านชาวลำปางเขียนถึงหนังสือในดวงใจของตนเองลงในโปสการ์ด จากนั้นทางร้านจะนำมาจัดนิทรรศการหนังสือที่รัก นอกจากนี้ ก็ยังมีการมอบส่วนลด 5 เปอร์เซ็นต์ให้ด้วย
           
แม้ธุรกิจร้านหนังสืออิสระจะไม่สามารถทำรายได้ชนิดเป็นกอบเป็นกำ แต่สิ่งที่หมอมิ้นชื่นใจ คือบรรยากาศอบอุ่นเมื่อเห็นพ่อ-แม่-ลูกพากันมาเปิดหนังสือสักเล่มอ่านด้วยกัน เด็กๆ ได้มีพื้นที่สำหรับสร้างจินตนาการ ขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่่ก็ได้คุยกันถึงหนังสือเล่มโปรด เหตุผลเล็กๆน้อยๆ แค่นี้ หล่อเลี้ยงความฝันของใครบางคนได้ ถึงจะต้องฝ่าฟันกับหนทางข้างหน้าเมื่อต้องมองหาจุดคุ้มทุน
           
ร้านหนังสือเล็กๆ บางทีก็ต้องอาศัยใจใหญ่่ๆ ด้วยเหมือนกัน

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1033  วันที่  19  - 25  มิถุนายน 2558) 

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์