วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

ตั้งด่าน คืองานของเรา


           
ปลกอย่างยิ่ง ที่การตั้งด่านผุดพราวราวดอกเห็ดของตำรวจลำปาง ไม่ได้สร้างความอุ่นใจให้กับประชาชน มากกว่าความเดือดร้อนรำคาญ หรือความหวาดหวั่นที่ตำรวจอาจจะจัดการยัดข้อหาให้โดยไม่มีความผิด
           
แน่นอน การตั้งด่านในบางสถานการณ์เป็นเรื่องจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานการขนส่งยาเสพติด หรือลำเลียงไม้ในป่า หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเส้นทางนี้ จะเป็นทางผ่านของทุจริตชน แต่ก็ต้องมีเหตุในการตั้งด่านตามระเบียบข้อบังคับ ที่เขียนไว้
           
ด่านกลายเป็นการบั่นทอน นครแห่งความสุข
           
เป็นที่รู้กันในหมู่คนลำปาง นครแห่งความสุข ว่างานสร้างสรรค์ระดับตำนานของตำรวจเมืองรถม้า คือการตั้งด่าน ชนิดที่ด่านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ว่ามากแล้ว ยังอาย ถึงแม้ว่ากฎเกณฑ์ การตั้งด่านจะมีไว้เพื่อให้อำนาจตั้งด่านได้ด้วยเหตุผลความจำเป็น แต่ตำรวจก็ไม่ใส่ใจ ไม่ว่าจะมีเหตุหรือไม่                    ตลอดปีที่ผ่านมาจะเห็นลำปางเป็นข่าวอยู่เสมอ โดยเฉพาะด่านตรวจจับยาเสพติดที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของตำรวจในพื้นที่ทีเดียว เพราะสามารถสร้างผลงานจับกุมคนขนยาเสพติดตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนเม็ดอยู่บ่อยครั้ง แต่ในส่วนของจุดตรวจหรือด่านตรวจจราจร ที่มีการตั้งด่านบ่อยซึ่งเป็นปรากฏการณ์ร่วมทั่วประเทศนั้น ดูจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านชินชาไปเสียแล้ว
           
ที่บอกว่าด่านตรวจจราจรที่ลำปางกลายเป็นที่ชินชาของชาวบ้านตาดำๆนั้นเพราะเจอด่านกันบ่อยมาก ไม่ต้องดูที่ไหนไกลหูไกลตา เอาแค่ในเขตเมืองลำปาง ที่มีการตั้งด่านจราจรกันแทบทุกวัน วันละ เวลา ก็ว่าได้ โดยเฉพาะจุดประจำยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็น หน้าโรงงาน UFC แยกนาก่วม หน้าบิ๊กซี หน้าเซ็นทรัล ปากทางวัดม่อนพระยาแช่ สี่แยกเพ็ญทรัพย์ ห้าแยกประตูชัย ห้าแยกหอนาฬิกา สี่แยกบ้านฟ่อน สี่แยกขนส่งใกล้ปั๊มปตท.
           
เหล่านี้เป็นจุดตั้งด่านหลักที่จะเวียนเทียนหมุนเปลี่ยนกันไป  เวลานาทีทองก็มักจะเป็นช่วง โมงเช้า สายหน่อยก็ราว 10 โมง แดดร้อนก็พักเที่ยง ช่วงบ่ายตะวันคล้อยก็ค่อยย้ายสถานที่โดยเฉพาะแถวที่มีสะพานลอยที่พอให้ร่มเงาได้บ้าง จะถูกยึดสร้างเป็นแลนด์มาร์ค
           
ด่านตรวจสมัยนี้ก็จะมาพร้อมบริการการชำระค่าปรับ เรียกได้ว่า One Stop Service ออกใบสั่งที่นี่ก็เสียค่าปรับที่นี่เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปโรงพัก ฉะนั้นภาพที่เราเห็นจนชินตาเวลาเจอด่านนั่นคือเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสีเข้มราว 20-30 คน ยืนตรวจตราความเรียบร้อยอยู่สองฝั่งถนน แต่ละฝั่งถนนก็จะมีพี่เจ้าหน้าที่ เข้าคิว ต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ แบบแบ่งๆกันไปคนละคันสองคัน พอออกใบสั่งให้คันนี้เสร็จก็เดินมาต่อแถวเข้าคิวรับ รายใหม่
           
ภาพแบบนี้ คนลำปางเห็นจนชินตา แต่ “เขา” บอกว่า เป็น นโยบาย” เพื่อรักษาความสงบ ลดและป้องกันการเกิดอาชญากรรม ไม่ได้ตั้งด่านเพื่อสนองนโยบายที่สามารถเพิ่มรายได้ที่มาจากเปอร์เซ็นต์การออกใบสั่งได้เฉลี่ยเดือนละหมื่นบาทอย่างที่เมาท์มอยกันหรอก (แต่ชาวบ้านจะเชื่อหรือไม่นั้น ให้เป็นวิจารณญาณของแต่ละบุคคลกันไป)
           
ในแต่ละสัปดาห์ แร็ค ลานนา จะเจอ ด่านตรวจจราจร ราว สัปดาห์ละ 4-5 ครั้ง บางทีก็เจอ 2 ด่านตรวจในวันเดียว จากถนนสองช่องทางการจราจร ก็ถูกบีบให้เหลือช่องทางการเดินรถเพียงช่องเดียว และจุดเดียวก็เห็นจากการสังเกตนั่นคือดูป้ายต่อภาษีประจำปีเป็นจุดแรก ดูสภาพรถการบรรทุกของ  ส่วนผู้สัญจรด้วยรถมอเตอร์ไซด์ไม่ต้องพูดถึง จะถูกเรียกให้หยุดทุกคัน เพื่อตรวจสอบเอกสารการครอบครองรถ ใบขับขี่ สวมหมวกกันน๊อคหรือไม่
           
สิ่งเหล่านี้คนขับขี่มอเตอร์ไซด์มักจะบอกว่า หากเอกสารครบ สวมหมวกกันน๊อค ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ใบสั่งไปเสียค่าปรับ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นมักจะเป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น ไม่สวมหมวกกันน๊อค ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของความปลอดภัยและผิดก็กฎหมายด้วยเจตนา แต่หลายต่อหลายครั้งเช่นกันที่เรามักจะเห็นท่าทีที่จ้องจับผิดโดยเฉพาะการเขียนใบสั่งด้วยข้อหาแปลกๆอย่าง ขี่รถคนเดียวแต่ไม่เอาที่พักเท้าหลังขึ้น
           
ป้ากับลุงขับรถเก่ามากๆก็โดนข้อหาดัดแปลงสภาพเพราะไม่มีตะกร้าหน้ารถ ข้อหาใส่รองเท้าแตะ  ข้อหาลมยางอ่อน ข้อหาแปลกๆที่ทำให้ได้ใบสั่งแบบนี้มีเล่าขวัญกันมากมายในโลกออนไลน์รวมถึงที่ลำปางก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
           
ถ้าหากมีการออกตรวจตราในสถานที่เที่ยวยามวิกาล ตามผับ ตามบาร์ ร้านเหล้าที่ให้เด็กวัยรุ่น วัยกระเตาะม.ต้น เข้าไปดื่มกินในวัยที่ไม่สมควร ตรวจตรากันอย่างเข้มงวดเหมือนกับที่ตั้งด่านจราจรก็คงจะดี เพราะทุกวันนี้ในกลุ่มเด็กนักเรียนมาเล่าให้ฟังว่าร้านนั้นร้านนี้ปล่อยให้เด็กนักเรียนเข้าไปนั่งกินเหล้าเมาสุราได้ บางร้านก็ขายเบียร์ ขายเหล้าให้เด็กนักเรียนไปเมาแอ๋ได้
           
นโยบายรักษาความสงบ ลดปัญหาการเกิดอาชญากรรม หากมีเจตนาดี คงไม่มีใครว่าได้ แต่หากเจตนาหาเงินบนความทุกข์ยาก ลำเค็ญของชาวบ้าน ชาวบ้านคงต้องรวมตัวกัน วานให้บิ๊กแป๊ะช่วยตอบที

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1047 วันที่ 25 กันยายน - 1 ตุลาคม 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์