เพราะความฉาบฉวยวูบวาบ กลายเป็นสาระของคนยุคใหม่ เรื่องราวของดารา ที่ไม่ต้องปวดหัว ยุ่งยาก ซับซ้อนเหมือนข่าวหรือเรื่องราวประเภทอื่น จึงเป็นอาหารฟาสต์ฟู๊ดที่กินง่าย ย่อยง่าย และเป็นที่นิยมของสังคมอุดมดราม่า ที่น่าสงสัยว่าหากผู้คนนิยมยินดีกับความฉาบฉวยเช่นนี้ อนาคตจะเป็นเช่นใด
เมื่อสังคมอุดมดราม่า ผู้คนเสพติดละคร โหยหาความดราม่าแม้กระทั่งจากข่าว หลายต่อครั้งเราจะเห็นสื่อกระแสหลักให้น้ำหนักกับข่าวดาราเลิกรักเตียงหักยิ่งในยามที่ข่าวการเมืองก็หาความดราม่าได้ยาก เพราะแต่ละฝ่ายล้วนแต่ถูกแช่แข็งอยู่ใต้ท็อปบู๊ทด้วยแล้ว ข่าวดราม่าดารา หรือข่าวมโนสาเร่จึงถูกจุดกระแสได้ไม่ยากนักเมื่อนักข่าวนั่งเสพข่าวดราม่าอยู่หน้าคอม ทำให้หลายเรื่องกลายเป็นกระแสเพียงข้ามคืนและเงียบหายไปในวันถัดมาเมื่อผู้ที่ตกเป็นข่าวปล่อยการ์ด “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ออกมา อย่างเช่น
คู่รักลัดคิวต่อใบขับขี่ เป๊ก เปรมณัช และแฟนสาว ที่เจ้าตัวออกมาเผยว่าทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แค่เอาเอกสารไปเพิ่มทีหลังเนื่องจากเอามาไม่ครบ ไม่มีเจตนาแซงคิว คงเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ลูกทุ่งสาวนุ่งสั้น ใบเตย อาร์สยาม ถูกจับตามองเรื่องการแต่งตัวอยู่เสมอ แต่ที่รับไม่ได้สุดและเป็นกระแสแรงมากคือการไม่รู้จักกาลเทศะที่ใส่ชุดเอวลอยกางเกงขาดวิ่นเข้าวัด ถูกวิจารณ์อย่างหนักทำเอาเจ้าตัวออกมาโพสต์ขอโทษที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปอีกคน
เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของสาว เอมมี่ มรกต โพสต์ภาพโชว์บัตรคอนเสิร์ต Maroon5 25 ใบที่นั่งติดกันผ่านอินสตาแกรม จนถูกชาวเน็ตด่ายับเยิน เพราะการจองผ่านเว็บไซด์โดยได้ที่นั่งติดกัน 25 ที่นั้นเป็นไปได้ยากมากหากไม่มีเส้นสายภายใน กลายเป็นอีกหนึ่งดราม่ารสแซ่บ ที่เจ้าตัวออกมาขอโทษแฟนคลับ
สำหรับนักแสดงวัยรุ่น ปันปัน สุทัตตา เจอดราม่าหนักหลังมีภาพหลุดพัวพันกับอบายมุข ทำเอาคุณพ่อต้องออกมาแถลงข่าวขอโทษแทนลูกสาว ที่ยังเด็กและรู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงอยากรู้อยากลองเท่านั้น หลังจากปันปันถูกพักงานเพื่อให้เรื่องเงียบลง
ส่วนในวงการสาวงาม ต้องยกให้กรณีอดีตนางงาม ฝ้าย เวฬุรีย์ ที่โพสต์ทวิตเตอร์ด้วยข้อความหยาบคายตามประสาวัยรุ่นรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อีกทั้งพาดพิงเรื่องการเมือง แต่การจะเป็นนางงามเจอกระแสลบแบบนี้เข้าไปก็หน้าหงายเหมือนกัน ถูกกดดันจากกระแสสังคมจนต้องลาออกจากตำแหน่ง
ข่าวดราม่าผุดขึ้นทุกวันไวกว่าดอกเห็ด ชาวเน็ตวิจารณ์กันแบบรู้ลึกรู้จริงเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ เป็นเหตุให้เหล่าดาราต้องออกมาโพสต์ชี้แจง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมเอ่ยคำขอโทษ จากนั้นข่าวดราม่าเรื่องต่อไปก็เรียงคิวมาแทรกแทนที่เรื่องเก่า เป็นห่วงโซ่ แต่ส่วนมากเรื่องเหล่านี้มักจะจบลงที่แถลงข่าวขอโทษไม่ว่าจะตั้งใจหรือทำเพื่อให้เรื่องจบๆไป
แต่สำหรับดราม่าที่มีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างกรณี ที่เหล่าดาราเซเลปบุคคลที่มีชื่อเสียงพร้อมใจกันอัพรูปส่วนตัวที่ถือโชว์โลโก้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีเขียวยี่ห้อหนึ่งในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีแฟนคลับผู้ติดตามดาราเหล่านั้นนับล้านคน งานนี้แม้ว่าดาราเหล่านี้จะหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์อย่างหลายกรณีที่ว่ามาข้างต้น ก็อาจจะพอให้สังคมให้อภัยได้ แต่สำหรับกฎหมายแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิด พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 ที่ระบุว่า
“ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใด ๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภท ให้กระทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสาร และความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแต่เป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเท่านั้น ทั้งนี้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงบทบัญญัติในวรรคหนึ่งและวรรคสอง มิให้ใช้บังคับกับการโฆษณาที่มีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร”
ซึ่งเอาผิดได้ทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
แต่ตอนนี้กระแสก็ดูจะซาลงไปตามธรรมเนียมของคนไทยลืมง่าย ในขณะที่ดาราทั้งหลายต่างก็ซื้อเวลาด้วยการส่งทนายเลื่อนนัดให้ปากคำ หลายคนก็ยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวว่า ไม่มีการจ้าง ไม่มีการรับเงินใดๆทั้งสิ้น ทำโดยส่วนตัวจริงๆ
ก็หวังว่าสังคมไทยจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้บ้าง เรื่องดราม่าจะได้เป็นเรื่องที่สร้างสรรค์สร้างคุณค่ากับสังคมบ้าง ไม่ใช่แค่ดราม่าสะใจคนเสพสื่อไปวันๆโดยหาสาระประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1051 วันที่ 23 - 29 ตุลาคม 2558)
