วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทวงคืนผืนป่า ลูบหน้าปะจมูก

แร็ค                                 
             
สำนวนไทย ที่ว่าลูบหน้าปะจมูก อันหมายถึงการกระทำที่ต้องลงโทษหรือเอาผิดกับคนหนึ่งที่เป็นคนของพวกพ้องตนเอง แต่ก็พยายามใช้วิธีหลีกเลี่ยงหรือทำไปให้มีผลกระทบน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย กำลังเกิดขึ้นกับนโยบายทวงคืนผืนป่า ที่เริ่มต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา
             
แม้หัวจะส่าย แต่หางไม่กระดิก เพราะระบบอุปถัมภ์มันฝังรากลึก ลงในท้องถิ่นจนยากจะแก้ไข ภารกิจทวงคืนผืนป่า จึงไม่ต่างไปจากหมอกควัน ที่จับกลุ่มแน่นหนาแต่แล้วก็กระจายหายไป
             
ภารกิจทวงคืนผืนป่านั้น เริ่มตั้งแต่มีการยึดอำนาจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกประกาศคำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 ว่าด้วยเรื่อง การปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้และนโยบายการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวการณ์ปัจจุบัน
           
นั่นคือราวหนึ่งปีนับจากวันที่ คสช. เข้ามาและประกาศเอาจริงเอาจังกับขบวนการมอดไม้ที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และตั้งเป้าหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่าใน 1 ปี ในช่วงเวลานั้นจะเห็นข่าวการจับกุมผู้กระทำผิดได้บ่อย เฉพาะในพื้นที่ลำปางมีทั้งที่ออกข่าวและไม่เป็นข่าวทุกสัปดาห์
           
และข่าวใหญ่เกี่ยวกับการเข้าจับกุมผู้ลักลอบตัวไม้ทำลายป่าในพื้นที่จังหวัดลำปางคงหนีไม่พ้น กรณีข่าว 3 มิติ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อคืนวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ทหารจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และเจ้าหน้าที่สำนักจัดจัดการป่าไม้ที่ 3 ลำปาง เข้าตรวจยึดบ้านไม้จำนวน 5 หลังที่สร้างอำพรางตบตาเจ้าหน้าที่ รอการจำหน่าย ที่บ้านไผ่งาม หมู่ 1 ต.เมืองมาย อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง รวมทั้งยังพบไม้สักท่อนและไม้กระยาเลยซุกซ่อนอยู่ในบ้านอีกจำนวนหนึ่ง
           
สิ่งที่น่าตกใจมาก ก็คือ มีโพยรายชื่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และนักข่าว รับส่วยจากนายทุนค้าไม้รายนี้หลายคน ทำให้สังคมได้รับรู้ว่า ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดลำปาง
           
มาถึงวันนี้คดีนี้ก็เงียบหายไป โพยรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่อ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ เหมือนอย่างเช่นการตัดไม้ทำลายป่าอย่างทุกครั้งที่ผ่านมาที่ไม่สามารถสาวไปถึง นายทุน” ตัวจริงได้แม้แต่ครั้งเดียว

จังหวัดลำปางมีเรื่องร้องเรียนกับการบุกรุกป่าจำนวนมาก เนื่องจากจังหวัดลำปางมีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 33 ป่า มีอุทยานแห่งชาติ 8 แห่ง มีพื้นที่ป่า 5,976,037.50 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 76.29 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด (ข้อมูลกรมป่าไม้เมื่อปี พ.ศ. 2551)

จากสถิติการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าไม้ เฉพาะรายสำคัญ ในระหว่างปี พ.ศ. 2554 ถึง พฤษภาคม 2557 จำนวน 1,951 คดี จับผู้ต้องหาได้ 257 คน ตรวจยึดไม้ของกลางได้ 11,506 ท่อน ไม้แปรรูป 23,257 แผ่นเหลี่ยม พื้นที่ป่าถูกบุกรุก 13,406 ไร่

พื้นที่ล่อแหลมและน่าเป็นห่วง ได้แก่ อำเภอวังเหนือ แจ้ห่ม เมืองปาน เถิน และงาว หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจังพื้นที่ป่าในจังหวัดลำปางก็จะหมดไปในไม่ช้า

ซึ่งสาเหตุของการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าของจังหวัดลำปาง พบว่ามีกลุ่มนายทุน หรือ ผู้มีอิทธิพลที่หวังผลประโยชน์จากป่าไม้และที่ดินเข้ามาว่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่ไปตัดไม้ในป่า รวมถึงการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้เพื่อครอบครองที่ดินและที่อยู่อาศัยของราษฎร

มาถึงวันนี้ตามคำสัญญาที่ คสช.ได้ประกาศให้ไว้ เริ่มเห็นเป็นรูปธรรม มีการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ยึดคืนผืนป่าล้มต้นยางพาราทั่วประเทศ เฉพาะจังหวัดลำปาง ยึดไปแล้วกว่า700 ไร่ และกำลังรอคำตัดสินอีกว่า 400 ไร่

การรุกคืบของ คสช.ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นวันดีเดย์ในภารกิจ ทวงคืนผืนป่า” ของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่พุ่งเป้า สวนยางพารา” ที่รุกป่าเป็นอันดับแรก โดยตั้งเป้ายึดคืน 6 แสนไร่ ในปี 2558 และอีก 9 แสนไร่ ในปี 2559

และหลังจากที่ดีเดย์ภารกิจทวงคืนผืนป่า ก็มีปรากฏการณ์ ชาวอีสาน 12 จังหวัด ร้องขอความเป็นธรรมจากรัฐบาล หลังได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายทวงคืนผืนป่า  ถูกไล่ออกจากพื้นที่ทำกิน-อยู่มาแต่อดีต ทั้งที่มีฐานะยากจนแต่กลับถูกนิยามว่าเป็น นายทุน” บุกรุกพื้นที่

กรณีจังหวัดสกลนคร ที่ประกาศสนองรับนโยบายเพิ่มพื้นที่ป่าของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ด้วยยุทธการขอคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก จังหวัดสกลนคร เนื้อที่กว่า 15,700 ไร่  ระบุว่ายุทธการครั้งนี้จะไม่เน้นการทวงคืนผืนป่าจากผู้ยากจน แต่จะเน้นการทวงคืนผืนป่าจากนายทุน ทว่า ปฏิบัติการดังกล่าวกลับไม่เปิดเผยว่ามีผู้ใดบ้างที่ถูกระบุว่าเป็นนายทุน ในขณะที่ชาวบ้านยังคงถูกไล่ออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

แต่จนแล้วจนรอด มาถึงวันนี้ นายทุน คำที่เรียกกันมานานว่าเป็นตัวการตัดไม้ทำลายป่า ยังไม่มีใครเคยจัดการหรือเห็นหน้าค่าตาได้
        
มีแต่ความขึงขัง จริงจัง แบบลูบหน้า ปะจมูก เท่านั้น ที่ยืนหยัดอยู่ได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1049 วันที่ 9 - 15 ตุลาคม 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์