วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

โฆษกศาลยันทหารผิดจริง ดราม่าไม้แผ่นเดียว



ศาลยุติธรรมแจงคดีอดีตพลทหารติดคุกเพราะลักไม้แผ่นเดียวเป็นการเข้าใจผิด แต่โดนข้อหาร่วมลักทรัพย์ 9 รายการ กว่า 1.8 แสนบาท  ด้านตำรวจยันส่งฟ้องตามพยานหลักฐาน  ขณะที่อดีตพลทหารยันหยิบไม้มาแค่แผ่นเดียวจริง ไม่เคยเห็นทรัพย์สินอื่นๆ ระบุไม่เคยหมิ่นศาล เมื่อตนไม่ได้ทำผิดทั้งหมดก็ต้องต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด

จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักเกี่ยวกับการนำเสนอข่าว “ศาลสั่งจำคุกอดีตพลทหารเหตุลักไม้สักแผ่นเดียว” ซึ่งเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง  โดยก่อนหน้านี้นายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์  หรือ ทนายโจ้  ได้นำเรื่องราวของนายสัจพันธุ์ จารณา อดีตพลทหารชายแดนภาคใต้ มาบอกเล่าเพื่อขอความช่วยเหลือจากสมาชิกในกลุ่มลำปางซิตี้ที่มีอยู่มากกว่า 82,000 คน เนื่องจากนายสัจพันธุ์ ได้ถูกศาลตัดสินคดีลักทรัพย์ โดยพบของกลางเป็นไม้สัก 1 แผ่น ให้จำคุก 16 เดือน  ไม่รอลงอาญา แต่ทางบ้านนายสัจพันธุ์มีฐานะยากจน และยังขาดเงินอีกประมาณ 20,000 บาท ในการประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ใจบุญได้สนับสนุนเงินช่วยเหลือจนสามารถประกันตัวออกมาได้ 

ขณะเดียวกันได้มีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงว่า ลักไม้สักแผ่นเดียว ศาลสั่งจำคุกถึง 16 เดือนโดยไม่รอลงอาญา  เป็นเหตุให้กระแสสังคมออนไลน์ วิจารณ์กันอย่างหนักว่า โทษที่ได้รับหนักเกินไปหรือไม่ จนทำให้โฆษกศาลยุติธรรมออกมาชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากศาลได้ตัดสินว่าจำเลยร่วมกับพวกลักทรัพย์ 9 รายการ รวมมูลค่ากว่า 1.8 แสนบาท  ไม่ใช่ไม้สักแค่แผ่นเดียวตามที่ลงข่าวแต่อย่างใด

โดยข้อความตอนหนึ่ง ระบุว่าการโพสต์เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ว่าแค่หยิบไม้แผ่นเดียวจากข้างทางไปซ่อมแซมบ้าน โดนจำคุก 16 เดือนนั้น อาจก่อให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง โดยจากการตรวจสอบคำพิพากษาศาลจังหวัดลำปางพบว่า ในคดีดังกล่าวพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีอีก 1 คนได้ร่วมกันลักเอาทรัพย์ของโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง รวม 9 รายการ มูลค่า 181,251 บาท โดยใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ ต่อมาเจ้าพนักงานได้ยึดไม้จำนวน 1 แผ่น สายคอนโทรลชุดเครน 1 เส้น รวมราคา 1,500 บาท จากความครอบครองของจำเลย และศาลจังหวัดลำปางฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าจำเลยกระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์เฉพาะ 2 รายการดังกล่าวในเวลากลางคืน โดยเข้าทางช่อง ซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า อันเป็นเหตุฉกรรจ์ที่ทำให้ได้รับโทษหนักขึ้น

โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มารดาและภรรยาของอดีตพลทหาร สัจพันธุ์ ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมเนื่องจากไม่มีเงินค่าจ้างทนายความ สุดท้ายถูกศาลพิพากษาให้จำคุกนั้น ขอชี้แจงว่าจำเลยได้มีการแต่งตั้งทนายความ คือ นายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์ เมื่อเดือนกันยายน 2558 ซึ่งหลังจากนั้นได้สืบพยานโจทก์จำนวน 5 ปาก และพยานจำเลยจำนวน 2 ปาก เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล

ต่อมาศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2559 โดยพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1), (4), (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 จำคุก 2 ปี แต่คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 16 เดือน ส่วนข้อหารับของโจรและคำขออื่นให้ยกฟ้อง ทั้งนี้ แม้จำเลยไม่สามารถหาทนายความได้ ศาลก็จะต้องจัดหาทนายความหรือทนายขอแรงให้ตามสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญา

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง ร.ต.อ.กันต์กวี มีธรรม  พนักงานสอบสวนของคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า  คงจะเปิดเผยข้อมูลไม่ได้มาก แต่ได้มีการสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐาน มีพยานบุคคลซึ่งเห็นพฤติกรรมของคนๆนี้ เข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุหลายครั้ง ซึ่งทรัพย์สินทั้ง รายการไม่ได้หายพร้อมกัน แต่หายในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค.58  ทางผู้เสียหายได้มาแจ้งความพร้อมกันเมื่อเดือน ส.ค.58  นอกจากนั้นมีพยานบุคคลมาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ จึงได้ออกหมายเรียกมาทำการสอบสวน และตรวจสอบพบของกลางเป็นไม้และสายไฟตรงกับตามที่ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหาย ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานและหลักฐาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมเพื่อที่จะส่งให้อัยการส่งฟ้อง ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของศาล ไม่สามารถไปล่วงละเมิดได้

นายเอกสิทธิ์ มานะรุ่งโรจน์  กล่าวว่า  การนำเสนอข่าวทางสื่อสังคมออนไลน์ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง  คนเข้าใจกันว่าเหตุที่โดนสั่งจำคุกเพราะไม้แผ่นเดียว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่  ซึ่งตนได้โพสต์ข้อความไปตามความเป็นจริงว่า จากการตรวจสอบที่บ้านพบของกลางเป็นไม้สัก 1 แผ่น  ไม่พบของกลางชิ้นอื่นๆ จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน  และสิ่งที่โพสต์ไปนั้นเพื่อจะขอความช่วยเหลือเพราะเขามีฐานะยากจน ต้องการที่จะประกันตัวออกมาสู้คดี  เจ้าตัวเขาก็ยืนยันว่าเก็บไม้มาจากข้างทางโดยไม่ทราบว่ามีเจ้าของ และไม่ได้ลักทรัพย์สินอื่นๆ  และยังได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าได้เอาไม้มาจริงแต่ไม่ได้เอาทรัพย์สินอื่นๆ  โดยมีภรรยาเก่าเป็นพยานว่าเห็นไม้แค่แผ่นเดียว  ซึ่งผิดวิสัยของคนร้ายที่จะมาบอกให้คนอื่นรู้ว่าตนทำผิด จึงต้องช่วยเหลือให้ถึงที่สุด อยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ในเรื่องนี้

ด้านนายสัจพันธุ์ จารณา จำเลยในข้อหาลักทรัพย์ ก็ได้ออกมาโพสต์เฟสบุ๊กถึงข้อเท็จจริง ว่าทนายโจ้ เอกสิทธิ์  ได้อาสาเข้ามาช่วยเหลือทำคดี เมื่อทนายอีกท่านเห็นว่าท่านทนายโจ้อาสาว่าความให้ จึงขอถอนตัวจากคดีไป ทนายโจ้จึงสู้เพียงลำพังตั้งเเต่นั้นมาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งตนเองและทนายเคารพในคำตัดสินของศาล  และสารภาพคำเดียวว่าเก็บแค่ไม้มา ของอย่างอื่นไม่เคยยุ่ง จึงเป็นเหตุให้มีการสู้คดีกันเกิดขึ้น ไม่มีใครต้องการที่จะมานั่งรับผิดชอบของมูลค่า 1.8 แสนบาท มีชีวิตไปวันๆยังแทบตาย จะโยนสิ่งที่หายทุกอย่างมาให้ผมไม่รับ จึงต้องต่อสู้กันต่อไป ขอบคุณทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจด้วย

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.32 ได้เข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านที่ทรุดโทรมแล้ว ส่วนทางด้านคดีนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป 

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1066 วันที่ 12 - 18กุมภาพันธ์ 2559)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์