กรรมกรเงินน้อย ผัวเมียผันอาชีพ ขนยาบ้า6หมื่น

จำนวนผู้เข้าชม 

สองสามีภรรยายึดกรรมกรก่อสร้าง  แต่รายได้น้อยเลยรับจ้างขนยาบ้า 60,000 เม็ดจากเชียงราย ปลายทาง จ.กำแพงเพชร แต่มาจนแต้มที่ด่านตรวจ อ.แม่พริก เพราะทำตัวไม่เนียนพอเลยถูกจับได้ เดินหน้าเศร้าเข้าคุกทั้งคู่  อีกราย สภ.สบปราบ จับหนุ่มลอบขนยาไอซ์ขึ้นรถทัวร์

      

เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 9 มี.ค.59 ขณะที่ ร.ต.ท.พอผล เครือสายใจ รอง สวป.สภ.แม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งกำลังตั้งด่านอยู่บริเวณ ด่านตรวจแม่พริก ถ.พหลโยธินระหว่างแม่พริก-ตาก ม.5 ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริกฯอยู่ เพื่อตรวจสกัดกั้นขบวนการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายไปยังภาคกลาง ขณะนั้นได้มีรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ  7314 กำแพงเพชร กำลังขับมุ่งหน้าเข้ามาที่ด่านตรวจ ภายในรถมีผู้ขับเป็นชายและผู้โดยสารเป็นหญิงสาวนั่งคู่มาข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงให้สัญญาณหยุดรถขอทำการตรวจค้นตามหน้าที่ จากนั้น ร.ต.ท.พอผล รอง สวป.จึงได้สอบถามชายหญิงทั้งสองว่าจะเดินทางไปไหนเท่านั้น ทั้งสองคนก็ออกอาการมีพิรุธตอบไม่ตรงคำถาม เจ้าหน้าที่จึงเชิญให้ลงจากรถและทำการตรวจค้นภายในรถทันที พบว่าที่บริเวณระหว่างช่องถุงลมนิรภัยคอนโซลหน้ามีลักษณะคล้ายถูกดัดแปลงเป็นช่องลับจึงได้งัดออกดูก็พบห่อยาบ้าซุกซ่อนอยู่

เมื่อตรวจสอบที่ประตูข้างรถทั้งสองด้าน ยังพบว่ามีห่อยาบ้าอัดแน่นอยู่เป็นจำนวนมากจึงได้นำมาตรวจนับดู พบว่ามีอยู่จำนวน 30 มัดๆ ละ 2,000 รวมยาบ้า 60,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวชายหญิงทั้งสองคนเอาไว้ ทราบต่อมาฝ่ายชายชื่อนายวิทยา หอมทวนลม อายุ 34 ปี ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 81 ถ.ทุ่งสวน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร  ส่วยฝ่ายหญิงชื่อ น.ส.พรทิพย์ จันปิ่น อายุ 22 ปี  บ้านเลขที่ 21/2 หมู่ 10 ต.นครชุม อ.เมืองจังหวัดเดียวกัน จากนั้นจึงคุมตัวส่งให้ ร.ต.ท.กฤต เครือคำอ้าย รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่พริก เพื่อทำการสอบสวน พร้อมของกลางยาบ้า และโทรศัพท์อีกมือถือ 2 เครื่อง

       

โดยนายวิทยา และ น.ส.พรทิพย์ ให้การรับสารภาพว่า ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยาและมีอาชีพรับจ้างเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ ใน จ.กำแพงเพชร แต่รายได้ไม่ดี บางทีก็ไม่มีงานจึงพยายามหาทางออกเพื่อหารายได้เสริมมาจุนเจือครอบครัว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไรดีถึงมีเงินครั้งละมากๆ กระทั่งมีคนมาติดต่อให้ไปขนของที่ จ.เชียงราย มาส่งที่ จ .กำแพงเพชร และจะได้เงินมากถึงเที่ยวละ 50,000 บาท โดยไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่ให้ทั้งสองคนขึ้นรถไปที่ ต.แม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ก็จะมีคนมาติดต่อเองแล้วก็ขับรถกลับมาเท่านั้น เมื่อรถถึงปลายทางก็จะได้รับเงินค่าจ้างทันที ทั้งสองคนจึงตกลงเดินทางไปตามที่ได้รับคำแนะนำมา เมื่อไปถึงก็มีคนมาติดต่อแล้วพาไปรับรถกระบะคันดังกล่าว ตนจึงขับรถมาพร้อมภรรยามุ่งหน้ากลับ จ.กำแพเพชรทันที  โดยใช้เส้นทางจาก อ.แม่ขะจาน - ดอยสะเก็ด - เชียงใหม่ มาตามถนนสายเอเชียผ่าน จ. ลำพูน เข้าพื้นที่ อ.ห้างฉัตร - เกาะคา - สบปราบ - เถิน โดยตลอดทางมีด่านตรวจอยู่นับสิบด่าน แต่ตนก็ขับผ่านมาได้ตลอดโดยไม่ถูกตรวจค้น กระทั่งมาถึงด่านตรวจ อ.แม่พริก ก็พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตั้งด่านตรวจอยู่ และถูกเรียกให้หยุดเพื่อทำการค้น ตนเองพร้อมภรรยาทำตามแต่พอถูกตำรวจสอบถามเท่านั้นก็ถูกจับได้ว่าในรถมีสิ่งของผิดกฎหมาย เลยถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด ทั้งที่เงินค่าจ้างก็ยังไม่ได้รับมาแม้แต่บาทเดียว

           

จากนั้นวันที่ 10 มี.ค.59 เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง โดยมี พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี  ผบก.ภ.จว.ลำปาง เป็นประธาน   พร้อมกันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดของ อ.สบปราบ มาแถลงข่าวร่วมด้วย 1 ราย คือ นายวิรัตน์ กุนา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 14 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.ลำปาง  พร้อมของกลางยาไอซ์ น้ำหนัก 998 กรัม  ถูกจับกุมตัวได้ขณะนั่งโดยสารมาบนรถทัวร์สายเชียงใหม่-กรุงเทพฯ  ได้นำยาไอซ์ซุกซ่อนมาในกระเป๋าเสื้อผ้าที่เก็บไว้ใต้ท้องรถ โดยบรรจุอยู่ในถุงชาเขียวซุกซ่อนอยู่ในกางเกงในเด็กสีฟ้าอีกชั้นหนึ่ง  

นายวิรัตน์รับสารภาพว่า มีคนว่าจ้างเป็นเงิน 10,000 บาท โอนเข้าทางบัญชีธนาคาร ให้นำยาไอซ์ไปส่งที่กรุงเทพฯ แต่โดนจับกุมตัวได้เสียก่อน 

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1070  วันที่ 11 - 17  มีนาคม 2559)