วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

วอนสังคมหยุดตัดสิน คลิปเด็กนร. ผู้ปกครองแจ้งเอาผิดคนโพสต์

จำนวนผู้เข้าชม URL Counter

นักวิชาการเตือนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตควรลดบทบาทผู้พิพากษา ให้ใช้เป็นทรัพยากรทางปัญญา ขณะที่ครูและผู้ปกครองต้องปลูกฝังจริยธรรมและสอนเรื่องกฎหมายการใช้อินเตอร์เน็ตให้กับเด็ก ลดปัญหาการโพสต์และแชร์ภาพ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สมควร  ด้านสาธารณสุขจังหวัด ร่วมมือกับสถานศึกษา รณรงค์ให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ลดปัญหาท้องก่อนวัยอันควร
           
จากกรณีที่เกิดการเผยแพร่คลิปวีดีโอเด็กนักเรียนมีเพศสัมพันธ์กันภายในห้องเรียนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง สร้างความเสียหายให้กับบุคคลที่ปรากฏในภาพและคลิปวีดีโอดังกล่าว รวมไปถึงสถาบันการศึกษาที่ถูกกล่าวถึงด้วย ทั้งนี้ จึงเป็นข้อสังเกตว่าการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากถึงแม้จะมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ควบคุมอยู่ก็ตาม
           
·         ลดบทบาทผู้พิพากษา

ในเรื่องนี้ ผศ.บุรินทร์ รุจจนพันธุ์  ผอ.งานเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวทิยาลัยเนชั่น ลำปาง  กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ประเด็นที่ต้องระวังในการใช้อินเตอร์เน็ตให้มาก คือเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม   ไม่ว่าจะเป็นเด็กและเยาวชน หรือใครก็ตามที่ใช้อินเตอร์เน็ตจะต้องลดบทบาทของการเป็นผู้พิพากษาลง จากการเข้าไปอ่านข่าวจะพบว่ามีผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และตัดสินกันเองว่าสิ่งไหนผิดหรือถูก ทั้งที่เรื่องราวต่างๆมีกฎเกณฑ์ มีความละเอียดอ่อน เมื่อสื่อสังคมออนไลน์เข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น คนก็กล้าแสดงความคิดเห็นกันโดยคิดว่าตนเองไม่ต้องรับผิดชอบอะไร  และไม่มีการคำนึงถึงผลที่จะตามมา สิ่งที่จะป้องกันได้คือ การป้องกันตัวเองดีที่สุด  ไม่ต้องแสดงความคิดเห็นอะไรในเชิงที่ให้ผู้อื่นเสียหาย  หรือหากไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองก็ไม่ควรที่จะแสดงความคิดเห็นเลยจะดีกว่า

·       ครูและผู้ปกครองต้องดูแล

สำหรับเด็กและเยาวชนต้องคำนึงค่านิยม 12 ประการไว้ดีที่สุดแล้ว เป็นกฎเกณฑ์ที่เด็กจะต้องรู้ หน้าที่ของเด็กคือการต้องเรียนหนังสือ การใช้โทรศัพท์มือถือและใช้อินเตอร์เน็ตในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับการเรียนการสอนจะสร้างผลเสียได้  เด็กสมัยนี้มักจะชอบดูคลิปวีดีโอ ดูหนัง  โหลดภาพ อัพภาพ ผ่านทางอินเตอร์เน็ต แต่ใช้เป็นสื่อการสอนด้านการศึกษาน้อยมาก ผู้ปกครองเองก็ต้องคอยดูแลให้เด็กอยู่ในกรอบด้วย ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ใช้โทรศัพท์มือถือหรืออินเตอร์เน็ตได้อย่างมีอิสระมากเกินไป  รวมถึงครูอาจารย์ต้องปรับค่านิยมในเรื่องการใช้สื่อของเด็กให้เหมาะสม  โดยเน้นเรื่อง Netizen คือ พลเมืองเครือข่าย  เช่นการแลกเปลี่ยนทัศนะ รวบรวมข้อมูล ใช้อินเทอร์เน็ตให้ถูกต้อง เป็นทรัพยากรทางปัญญาและทางสังคม  การโพสต์การแชร์และการแสดงความคิดเห็นต่างๆต้องคำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม

·         ให้ความรู้จริยธรรมและกฎหมาย
           
ผศ.บุรินทร์  กล่าวว่า  กรณีคลิปข่าวที่เกิดขึ้นของ จ.ลำปาง เป็นเรื่องของการไม่คิดก่อนที่จะโพสต์ คนที่ผิดก็คือคนปล่อยคลิปดังกล่าว ไม่ใช่คนที่ถ่ายคลิป เพราะการถ่ายคลิปเป็นปกติที่คนเราจะถ่ายความผิดของคนอื่นไว้เป็นหลักฐาน  แต่คนโพสต์ภาพและคลิปเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ถ้ารู้ตัวคนถ่ายก็อาจจะสืบไปถึงคนโพสต์ได้   เรื่องนี้ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างของการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ถูกต้อง แต่จะเสียหายมากเพียงใดนั้น ตนมองว่าเรื่องนี้มีผู้เสียหายคือตัวเด็ก และสถาบันการศึกษา  ไม่ใช่วงกว้างมากนัก  เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยเห็นได้จากข่าวต่างๆ  ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรกที่ จ.ลำปาง  ซึ่งการป้องกันไม่ให้มีการโพสต์การแชร์ทำได้ยากมาก อย่างที่บอกว่าต้องขึ้นอยู่กับความคิด คุณธรรม และจริยธรรมของบุคคล  ดังนั้นจึงต้องสอนเด็กเยอะๆ เกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรม รวมไปถึงความรู้ด้านกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ด้วย
           
·         ดูแลสุขภาพกายและใจ

ด้านนายแพทย์ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง กล่าวว่า  ต้องเพิ่มทักษะชีวิตให้เด็กมากขึ้น ไม่ใช่โตขึ้นมากับการศึกษาเพียงอย่างเดียว  ต้องดูแลทางสุขภาพกายและใจของเด็กด้วย ซึ่งทางสาธารณสุขได้ร่วมกับหลายหน่วยงาน รวมทั้งสถานศึกษา จัดอบรมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมวัยรุ่นตามโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ที่พยายามเปลี่ยนความคิดของคนรุ่นใหม่โดยไม่ต้องทำเรื่องที่ไม่ดี เด็กเป็นหนึ่งได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งยาเสพติด  เป็นการลำดับความคิดของเด็กให้ทันสังคมมากขึ้น  ในยุคนี้ถ้าตามไม่ทันก็ต้องถูกความก้าวหน้าทำลาย  เรื่องการพัฒนาการวัยรุ่นเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องหาวิธีให้เด็กรู้ว่าบางครั้งต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ทำตามเพื่อนไปทั้งหมด  เราต้องพยายามเข้าใจในวัยรุ่นให้มากขึ้น

ขณะเดียวกันทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางได้มีการส่งเจ้าหน้าที่จิตวิทยาเข้าไปดูแลสุขภาพจิตของเด็กที่ปรากฏในคลิปว่าสภาพจิตใจของเด็กเป็นอย่างไร  ซึ่งต้องรอให้พ้นช่วงวิกฤต 3-5 วันไปให้ได้ก่อน เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์หนึ่งเมื่อปี 54 ที่ผ่านมา กรณีข่าวรักต้องห้ามของครูพละและเด็กนักเรียนชั้น ม.3 ที่  อ.สบปราบ จ.ลำปาง ทั้งคู่ได้ผูกคอตาย หลังจากมีการเผยแพร่ข่าวออกไป จึงไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กรายอื่นๆ

·         พ่อแม่แจ้งความ
           
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.59 เวลา 09.00 น. ผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนที่ปรากฏอยู่ในคลิป ในเดินทางไปพบ พ.ต.ท.สราวุธ จันมะโน พนักงานสอบสวน สภ.เถิน จ.ลำปาง เพื่อแจ้งความเอาผิดกับผู้เผยแพร่คลิปวีดีโอดังกล่าว ตามข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  โดยเด็กทั้งสองคนไม่ได้เดินทางมาด้วยแต่อย่างใด เนื่องจากอยู่ระหว่างช่วงสอบปลายภาคเรียน
           
หลังจากรับแจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กทั้งสองฝ่าย ทราบจากเด็กว่าใครเป็นผู้ถ่ายคลิป ซึ่งเด็กยืนยันว่าเป็นเพื่อนนักเรียนด้วยกัน แต่ติดใจกรณีที่มีผู้นำคลิปดังกล่าวออกไปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียร์ จึงต้องมีการสอบสวนหาตัวผู้กระทำในครั้งนี้ว่าเป็นใคร ซึ่งอาจจะต้องสอบสวนเด็กนักเรียนที่ถ่ายคลิปและเด็กคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  คาดว่าคงต้องรออีกสักระยะหนึ่ง เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กกำลังสอบปลายภาคต้องให้มีการสอบเสร็จก่อน อีกอย่างทราบจากพ่อแม่ของเด็กว่าเด็กทั้งสองคนค่อนข้างจะเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเครียดในเรื่องสอบด้วย จึงอาจจะต้องรอให้เด็กมีสภาพจิตใจที่ดีกว่านี้และมีความพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่
           
·         สพม.35 ตั้งกรรมการสอบ

นายอลงกรณ์ ประสานสุข รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35  เปิดเผยว่า  จากกรณีดังกล่าวทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 35 สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นอย่างเร่งด่วน  เบื้องต้นพบว่าเป็นคลิปที่เกิดขึ้นจริงช่วงปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ช่วงนี้อยู่ในช่วงของการสอบปลายภาค  ขอให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไรก็ต้องรอทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปอีกครั้ง 

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1070  วันที่ 11 - 17  มีนาคม 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์