วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

สองแถวแพงไร้ทางแก้ สั่งจดทะเบียนใหม่ เป็นรถรับจ้างทั่วไป

จำนวนผู้เข้าชม http://www.hitwebcounter.com/

ปัญหาสองแถวลำปางไร้ทางแก้  กำหนดราคาเองแบบไม่มีมาตรฐาน  ขนส่งลำปางหามาตรการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้รถ จากรถโดยสารประจำทาง เป็นรถโดยสารทั่วไป   ด้านประธานสหกรณ์เดินรถขอให้เข้าใจคนหาเช้ากินค่ำ พยายามจัดระเบียบเต็มที่ ครวญทุกวันนี้ต้องตกเป็นจำเลยสังคม

·       แพง 10 เท่า

กรณีการเก็บค่าโดยสารแพงของกลุ่มรถโดยสาร หรือรถสองแถว โดยเฉพาะรถสองแถวสีเขียวเหลือง ที่วิ่งในตัวเมืองลำปางยังพบมาโดยตลอด  ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในยามวิกาล เป็นช่วงที่ผู้โดยสารเดินทางเวลากลางคืน และต้องการที่จะกลับที่พักอย่างรวดเร็ว จึงมีการกำหนดราคาค่าโดยสารเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาปกติถึง 10 เท่าเลยก็ว่าได้

·       ร้องขนส่ง

และกรณีล่าสุดได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน ก.พ.59 ที่ผ่านมา  มีประชาชนเดินทางจาก จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อมาประชุมที่ จ.ลำปาง  แต่เมื่อใช้บริการรถโดยสารจากสถานีขนส่งจังหวัดลำปางไปส่งที่โรงแรม อยู่ห่างกันประมาณ  กิโลเมตร  รถโดยสารคิดค่าบริการ 150 บาท  ซึ่งเห็นว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป และได้เข้าร้องเรียนกับขนส่งจังหวัดลำปาง  

·       ต้องยอมเพราะไม่มีรถ

นอกจากนั้นยังมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาค่าโดยสารอีกหลายราย โดย น.ส.สุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล)  เปิดเผยว่า เคยใช้บริการรถสองแถวจากสถานีขนส่งให้ไปส่งแถวโรงเรียนลำปางกัลยาณี ตอนนั้นเวลาประมาณ 05.00 น. คนขับรถได้คิดค่าบริการ 150 บาท  ซึ่งระยะการเดินทางไม่ถึง 2 กิโลเมตรเลยด้วยซ้ำ   แต่ด้วยความอยากกลับบ้าน เพราะอ่อนเพลียกับการเดินทางก็ต้องยอมจ่ายไป  ซึ่งไม่ได้ไปร้องเรียนเพราะไม่ได้ใช้บริการรถสองแถวบ่อยนัก  ในตอนนั้นเป็นเหตุสุดวิสัยที่บ้านไม่มีรถมารับจึงต้องใช้บริการ

·       แค่ครั้งเดียว

หญิงสาววัย 29 ปี อาชีพรับราชการครู คนหนึ่งเปิดเผยว่า  เคยใช้บริการเหมารถสองแถวจากสถานีขนส่งเดินทางมาที่ อ.แม่เมาะ  เสียค่ารถ 600 บาท ตอนนั้นต้องยอมจ่ายเงินเพราะรีบมาก  เป็นอารมณ์ที่อยากจะกลับถึงบ้านเร็วๆ  และจากนั้นก็ไม่เคยใช้บริการอีกเลย เพราะราคาสูงเกินไป

·       จำไว้เป็นประสบการณ์

น.ส.อนุสรา  (สงวนนามสกุล) อายุ  30 ปี อ.วังเหนือ  เล่าว่า  พี่ชายของตนเองเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ได้ขึ้นรถสองแถวจากสนามบินลำปางมาที่โรงพยาบาลลำปาง  บอกว่ารถสองแถวขับพาไปลัดเข้าแยกศรีชุม ผ่านหน้าโรงเรียนบุญวาทย์ไปออกแยกประตูชัย จึงไปส่งถึงโรงพยาบาล  จ่ายค่ารถไป 150 บาท แล้วมาตนถามว่าทำไมค่ารถสองแถวลำปางแพงกว่ากรุงเทพฯ  ถึงรู้ว่าพี่ชายโดนค่าสองแถวโหด เพราะปกติรู้ว่าราคาวิ่งรอบเมือง 20 บาท เท่านั้น    และได้เคยอาสาไปส่งคนอื่นครั้งหนึ่ง ตอนนั้นไปเจอน้องคนหนึ่งมาจาก จ.ลำพูน  ลงรถที่ขนส่งและจะต่อรถมาคิวรถแถวห้างเสรี  รถสองแถวหน้าขนส่ง คิดค่ารถ 150 บาท พอดีผ่านไปได้ยิน จึงอาสาขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งน้องเขาเอง เพราะรู้ว่าค่ารถแพง    เคยเจอกับตัวเองครั้งหนึ่งขึ้นรถจากห้างบิ๊กซีไปคิวรถวังเหนือแถวห้างเสรี จ่ายค่ารถไป 50 บาท    แต่ก็ไม่เคยคิดจะไปร้องเรียน คิดว่าแล้วไปแล้ว เป็นประสบการณ์ และก็ไม่ใช้บริการอีก   หากจำเป็นต้องนั่งรถสองแถวจริงๆ คราวหน้าถ้าเจออีกจะจดหมายเลขทะเบียนไปร้องเรียนแน่นอน

·       เพราะอยากกลับบ้าน
           
น.ส.ประภัสสร อายุ  42 ปี  อาชีพค้าขาย  เล่าว่า  ตนเองทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เคยกลับมาเยี่ยมญาติที่ จ.ลำปาง โดยมาลงรถที่สถานีขนส่งแต่เช้าตรู่  ตอนนั้นเกรงใจไม่อยากโทรศัพท์ไปรบกวนให้ญาติมารับ จึงใช้บริการรถสองแถวไปส่งแถวหน้าโรงเรียนลำปางพาณิชยการฯ   รถคิดค่าบริการ 200 บาท  ตอนนั้นก็อยากกลับบ้านมาก จึงขอต่อรองราคาได้ลดเหลือ 150 บาท  ก็ยอมใช้บริการไป  ก็ไม่รู้ว่าจะร้องเรียนไปทำไป เพราะร้องไปก็ไม่เห็นจะเคยแก้ปัญหาได้

·       ยอมรับคิดราคาสูงจริง
           
ด้านนายสมาน ติดธรรม  ประธานสหกรณ์เดินรถ จ.ลำปาง  เปิดเผยว่า  รถสองแถวในจังหวัดลำปางมีมากถึง 800 คัน  ทั้งวิ่งต่างอำเภอและในตัวเมือง ส่วนรถเขียวเหลืองที่วิ่งในเมืองจะมีอยู่ประมาณ 400 คัน  ผู้ประกอบการมีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งตนพยายามจัดระเบียบอย่างเต็มที่  ยอมรับว่ามีการคิดราคาสูงเกินไปจริงๆ  โดยเฉพาะรถโดยสารเขียวเหลืองสาย 6  หน้าสถานีขนส่งจังหวัดลำปาง โดนร้องเรียนบ่อยมาก  เคยเรียกมาพูดคุยว่าอย่าไปคิดราคาลูกค้าแพงจนเกินไป หากระยะทางไม่ไกลมากก็ควรคิดตามความเหมาะสม  แต่ตนก็ไม่สามารถควบคุมหรือบังคับคนได้ทั้งหมด  ถ้ามีเรื่องร้องเรียนทางกลุ่มวิชาการขนส่งก็จะเข้าสอบสวนและมีการเปรียบเทียบปรับรถโดยสารคันนั้น ค่าปรับขั้นต่ำ 500 บาท   ตอนนี้ก็ได้มีการประชุมหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับค่าโดยสาร  ซึ่งต้องรอผลความชัดเจน

·       วอนเข้าใจหาเช้ากินค่ำ
           
รถโดยสารก็ไม่ใช่จะไม่ดีไปหมดทุกราย คนดีทำงานซื่อสัตย์สุจริตก็มีมากมาย ไม่อยากให้เหมารวมไปทั้งหมด  ทุกวันพวกเราก็เหมือนกันตกเป็นจำเลยของสังคม   อยากให้เข้าใจว่าพวกเราทำงานหาเช้ากินค่ำเช่นกัน  คนดีๆก็มี  หากพบคนไม่ดีก็สามารถร้องเรียนไปที่ขนส่งจังหวัดได้
           
นายสมาน กล่าวถึงกรณีรถแท็กซี่มิเตอร์ว่า  ยังไม่พบว่ามีการร้องเรียน  หากไม่กดมิเตอร์ ก็จะเป็นการตกลงราคาเหมาระหว่างคนขับรถและผู้ใช้บริการเอง

·       คิดราคาเหมาไม่ได้
           
นายถาวร เหรียญตระกูลชัย ขนส่งจังหวัดลำปาง  กล่าวว่า  ทางขนส่งได้มีการประชุมหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับการกำหนดราคาเหมาของรถโดยสารเขียวเหลือง ตามระยะทางเช่น ระยะทาง 2 กิโลเมตร ราคา 30 บาท  ระยะทาง 6 กิโลเมตร ไม่เกิน 60 บาท   ระยะทางเกิน 10 กิโลเมตร  คิดไม่เกินกิโลเมตรละ 10 บาท และหากวิ่งช่วงหลังหกโมงเย็นคิดเพิ่ม 20 บาท   เป็นต้น  แต่เมื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแล้ว ไม่สามารถดำเนินการตามที่เสนอไปได้  เนื่องจากคณะกรรมการแจ้งว่ารถโดยสารเขียวเหลือง ประเภทที่ เป็นรถโดยสารรับจ้างประจำทาง ต้องวิ่งในเส้นทางที่กำหนดตลอดสายในราคา 13 บาท  โดยจะมี 3 เส้นทาง คือ สาย 5  ประจำสถานีรถไฟ  สาย 6  ประจำสถานีขนส่ง  และสาย 7 ประจำห้าแยกประตูชัย   แต่ถ้าเป็นรถประเภทที่ 2 รถด่วนรอบเวียงออกไปส่งทุกที่ในระยะทางไม่เกิน 2 กิโลเมตร จะคิดค่าโดยสาร  20บาท

·       ต้องจดทะเบียนใหม่
           
ดังนั้น การจะกำหนดราคารถเหมาได้ จะต้องมีการจดทะเบียนเปลี่ยนประเภทรถโดยสายเขียวเหลือง จากรถรับจ้างประจำทาง เป็นรถรับจ้างทั่วไป  ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นค่าใบอนุญาตประกอบการประมาณ 1,500 บาท  เรื่องนี้ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ มีมติการจัดระเบียบให้สหกรณ์เดินรถจดทะเบียนเป็นรถรับจ้างทั่วไป ระหว่างที่ดำเนินการก็ต้องขอความร่วมมือกับทางสหกรณ์เดินรถ ว่าอย่าเก็บค่าโดยสารแพงเกินกว่าเหตุ เพราะมีกฎหมายกำหนดค่าโดยสารไว้อยู่แล้ว  หากพบและมีการร้องเรียนก็จะมีการเปรียบเทียบปรับ ข้อหาใช้รถผิดประเภท  มีโทษสูงสุดปรับ 5,000 บาท

·       สงกรานต์เข้มรถโดยสาร
           
ขนส่งจังหวัดลำปาง กล่าวอีกว่า ในช่วงสงกรานต์นี้   ทางขนส่งได้มีการเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย และเรื่องค่าโดยสาร โดยได้เรียกประชุมผู้ประกอบการรถโดยสารทั้งหมด ให้ปฏิบัติในเกณฑ์ที่กำหนด คิดค่าโดยสสารที่เป็นธรรม ให้เตรียมความพร้อมเรื่องรถ และคนขับรถ   พร้อมกับตรวจวัดแอลกอฮอล์ และสารเสพติด  จะเน้นรถโดยสารประจำทาง รถทัวร์ขนาดใหญ่ที่วิ่งออกนอกจังหวัด เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยต่อผู้โดยสารที่ใช้บริการ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1074 วันที่ 8 - 21 เมษายน 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์