วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ความตายไร้คำตอบ

จำนวนผู้เข้าชม good hits
             
นความสูญเสียสิ่งที่รัก คงไม่มีสิ่งใดเศร้าสะเทือนใจยิ่งไปกว่า การสูญเสียลูกที่ยังเล็ก และเป็นการสูญเสียในสถานที่ ในบริบทแวดล้อมที่คงไม่มีใครคาดคิดว่า ชีวิตน้อยๆที่น่าจะอยู่ในสายตาครู เพื่อนๆ จะต้องจบลงอย่างง่ายๆเช่นนั้น
           
มันจะต่างอะไรกับเจ้าตัวน้อยวัยเพียง ขวบ ของแม่ที่จมน้ำตาย ในสระว่ายน้ำของโรงเรียนรัฐบาลมีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ความตายที่ไร้คำตอบ ความตายที่ไม่มีหลักประกันใดๆว่า ในอนาคตสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
           
น่าสนใจว่า พลันที่เด็กน้อยจมน้ำ และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล มีความพยายามที่จะปิดข่าวนี้ มีความพยายามที่จะปิดปากสื่อไม่ให้รายงานข่าว พวกเขาไม่ต้องการให้สังคมรับรู้ ไม่ต้องการเสียชื่อเสียง แต่ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือนั้น ต้องอยู่บนหลักการพูดความจริง
           
หากเราเผชิญกับความจริง ขอโทษ สำนึกเสียใจ และแสดงความพยายามที่จะมีมาตรการที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก นั่นยังดีเสียกว่า เก็บงำความจริงไว้ และทำได้เพียงรับผิดชอบในทุกเรื่อง ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตน้อยๆกลับฟื้นคืนมาได้
           
เด็กกับน้ำนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่คร่าชีวิตน้อยๆไปปีละพันกว่าคน โดยเด็กอายุ 1 – 9 ปีมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะจมน้ำตาย จากการเก็บสถิติเมื่อไม่นานมานี้
           
สำหรับการจมน้ำในสระน้ำโรงเรียน เท่าที่สืบค้นได้เคยเกิดที่โรงเรียนจังหวัดเพชรบูรณ์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชลบุรี
           
ที่ชลบุรี ถึงขนาดกลายเป็นพล็อตหนังเรื่อง “เด็กหอ” เป็นเรื่องราวของเด็กที่จมน้ำในสระโรงเรียน และสิงสถิตอยู่ที่นั่น คอยกวักมือเรียกคนที่ผ่านไปมา
           
และการเกิดเหตุหลายครั้ง ก็เกิดในขณะที่มีเด็กเต็มสระ เกิดในสระเด็ก และมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เพราะสภาพชุลมุนเช่นนั้น ใครจะหายไปสักคน บางทีก็รอดพ้นจากสายตาคนอื่นไปได้
           
การมีผู้ดูแลความปลอดภัยในสระน้ำโดยเฉพาะ จึงเป็นเรื่องจำเป็น
           
มีหลายเรื่องราว ที่เคยมีผู้บันทึกเหตุการณ์เด็กจมน้ำในโรงเรียนไว้ได้อย่างน่าติดตาม
           
เช่น คุณนพวรรณ พงษ์เจริญ ที่บันทึกไว้ใน GotoKnow เป็นการบันทึกจากแรงบันดาลใจที่ได้จากครูหยุย วัลลภ ตั้งคณานุรักษ์
           
คุณนพวรรณ บันทึกไว้ว่า...
           
ขอบันทึกเรื่องเล่าต่อยอดจากจมน้ำตาย ภัยร้ายของเด็ก (ครูหยุย) ทำให้ภาพเหตุการณ์ผุดขึ้นมาให้อยากจะเล่า เพื่อเป็นการป้องกันภัยของครูและผู้บริหารโรงเรียนที่มีสระน้ำในโรงเรียน
           
ตอนบ่ายวันนั้น ได้ทราบจากครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ว่านักเรียนในชั้นหายไป 3 คน ถามเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครทราบ ไปติดตามที่ห้องเรียนที่คุณยายของเด็กหญิงแจงก็ไม่มี
           
ทุกคนมุ่งประเด็นไปที่การลักพา เพราะหนึ่งนั้นคือเด็กหญิงแจงเป็นเด็กน่ารัก เป็นลูกสาวคนเดียวและคนสุดท้องซึ่งพ่อแม่ คุณตาคุณยายมีอันจะกิน  และอีกสองคนเป็นพี่น้องกันพ่อแม่เดียวกันและเป็นญาติกับเด็กหญิงแจง
           
ภารโรงเดินผ่านไปที่สระน้ำและสังเกตเห็น “ไม้กระดานที่นำมาทำสะพานสำหรับเดินลงไปตักน้ำลอยอยู่” จึงมั่นใจว่าเด็กทั้ง 3 คนตกน้ำแน่นอน พวกเราวิ่งไปออกันอยู่ที่ขอบสระ
           
ครูผู้ชายคนหนึ่งกระโดดลงไปทั้งชุดเครื่องแบบสีกากี ไม่นานนักอุ้มขึ้นมาหนึ่งร่าง  ครูทุกคนตกใจวิ่งหนีเอามือปิดหน้าร้องไห้โฮๆๆ เสียงกรีดร้องของคุณยายและคุณป้าที่เป็นครูครวญระงมกันแทบลมจับ
           
ฉันตั้งสติได้ ไม่ได้ร้องไห้หรือวิ่งหนี  รีบรับอุ้มร่างนั้นมาวางนอนลงบนพื้นหญ้า  เพราะเคยเห็นมาจากภาพเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เมื่อทุกคนเห็นว่าเด็กได้สิ้นใจไปนานแล้ว  ทำให้แต่ละคนมีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม
           
ฉันวิ่งกลับไปลุ้นครูผู้ชายอีก  ภารโรงไปตามชาวบ้านมาลงไปหาเด็กอีก 2 คน  คราวนี้นานประมาณ 10 นาที  อุ้มขึ้นมาพร้อมกันเพราะเด็กกอดกันอยู่ คือเด็กหญิงแจงและเด็กหญิงอ้อ  คนแรกคือเด็กหญิงแอ้  ฉันได้ส่งมือรับอุ้มทีละคนและส่งให้คนข้างหลัง  เพราะฉันยืนอยู่ริมขอบสระน้ำ
           
วันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ครูแต่งเครื่องแบบ  แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปนานหลายปี แต่อยากเล่าเพื่อให้เป็นข้อคิดสำหรับครูและผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งส่วนมากจะมีสระน้ำในโรงเรียน ควรป้องกันและอบรมเด็กเล็ก
           
สะพานที่เกิดเหตุ เป็นไม้กระดานแผ่นเดียวยาวประมาณ 2 เมตร  วางพาดจากขอบสระยื่นลงไปในสระน้ำ มีคานขนาดเล็กให้กระดานพาด สำหรับภารโรงลงไปตักน้ำมารดต้นไม้
           
แต่เด็กคนใดคนหนึ่งคงรู้เท่าไม่ถึงการณ์เดินลงไปเหยียบปลายไม้กระดานแล้วกระดานอาจกระดกขึ้น ทำให้จมลงไป เมื่อกระดานกระดกเด็กทุกคนก็ต้องกระเด็นตกลงไปในน้ำ
           
การที่เด็กเสียชีวิตถึงสามคน ในโรงเรียนขณะที่มีการทำการเรียนการสอน “ผู้บริหารโรงเรียน ครูเวร ครูประจำชั้น” ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ  แต่วันนั้นเป็นเวรของคุณครู “คุณยาย” ของเด็กหญิงแจง และญาติของเด็กหญิงอ้อและแอ้ เรื่องราวก็ไม่กระทบทางคดีความแต่มันกระทบกับจิตใจที่ครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวเพียงคนเดียวและอีกครอบครัวหนึ่งมีลูกสาวเพียงสองคน
           
ถ้ามีใครสักคนเขียนถึงเรื่องเด็ก ขวบ ที่จมน้ำตายในสระน้ำโรงเรียนที่ลำปาง คงเศร้าสะเทือนใจไม่แพ้กัน
           
เราไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใด ความตายเช่นนี้จึงจะได้คำตอบเสียที

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1078 วันที่ 13 - 19 พฤษภาคม 2559)


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์