วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ชี้ช่องทางธุรกิจอาเซียน โอกาสทองของ SMEs

จำนวนผู้เข้าชม website counter
           
จุดไฟฝันโอทอป ลุยตลาดเพื่อนบ้าน แนะพึ่งพานักออกแบบ และนักการตลาดมืออาชีพ แก้ปัญหาผลิตเองขายเองขณะที่ ทูต เวียดนาม ลาว กัมพูชาชี้ช่องโอกาสสินค้าไทย อาหารและสินค้าจากเมืองไทยนำหน้าจีนแน่นอน
           
ผู้สื่อข่าวลานนาBizweek รายงานจากการสัมมนา รู้จริง รู้ลึก โอกาสการค้าของ SMEs ไทยกับกลุ่ม CLMV’ และรู้จัก TPP โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ตามโครงการ สนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ AEC ระดับจังหวัด เมื่อวันที่ 1-2 มิ.ย. 2559 ณ โรงแรมคุ้มภูคำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน OTOP และ สมาชิกบิสคลับ จังหวัดลำปางรวมถึงเกษตรกรในองค์กรสภาเกษตรกรลำปาง ร่วมงานสัมมนา โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแนวทางเพิ่มขีดความสามารถ การค้าขายในตลาดอาเซียน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของการสัมมนา เน้นให้ผู้ประกอบการเลือกวิธีการผลิตเอง ทำตลาดเอง ขายเอง เพื่อพัฒนาไปสู่การส่งออกที่มีศักยภาพ แต่ให้พึ่งพาการเชื่อมโยงกับมืออาชีพแต่ละด้าน เช่น จ้างนักการตลาด นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ หาผู้แทนขาย แก้ปัญหาเดิมที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังมองว่าการส่งออกเป็นเรื่องยาก เนื่องจากขาดองค์ความรู้และศักยภาพในการผลิตตามมาตรฐานเพื่อการส่งออก นอกจากนี้ยังมีการชี้ช่องการรับการปรึกษาจากแต่ละหน่วยงานสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบการขอรับการพัฒนา
           
นอกจากนี้ยังได้มีการชี้แนะช่องทางประสบความสำเร็จการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV คือ ประเทศในกลุ่ม ASEAN ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่องและมีศักยภาพดีคือประเทศ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ซึ่งมีพรมแดนติดกับไทยทุกประเทศเหมาะสำหรับผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนหรือหาลู่ทางทำธุรกิจ โดย มีที่ปรึกษาเศรษฐกิจและพาณิชย์สถานเอกอัคราชทูต 3 ประเทศ คือ  สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ให้ข้อมูล
           
นางสุพัน แก้วคำเพชร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและพาณิชย์สถานเอกอัคราชทูต สปป.ลาว เผยว่า ขณะนี้ รัฐบาล สปป.ลลาว เปิดโอกาสให้ไทยชาวต่างชาติเข้าไปลงทุน ได้สะดวกมากขึ้น ทั้งรูปแบบลงทุนเอง และร่วมทุนกับนักธุรกิจในลาวซึ่งยังมีโอกาสทางการค้ามากมาย เนื่องจากประชาชนลาว มีความนิยมสินค้าไทยค่อนข้างสูง ที่สำคัญ ลาวมีความเสถียรภาพทางการเมืองและเรื่องความปลอดภัยสูง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทุกปี โดยธุรกิจน่าสนใจคือ ธุรกิจขนส่ง การค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ และสถานบริการทางสุขภาพ รวมถึงธุรกิจเหมืองแร่ ซึ่งยังมีโอกาสสัมปทานอีกมาก ทั้งนี้การลงทุนของนักลงทุนไทยร่วมกับนักธุรกิจลาว มีกฎหมายให้ลงทุนไม่น้อยกว่าเพียง 10 ของทุนเท่านั้น นับได้ว่าไทยยังมีโอกาสเติบโตทางการค้าในสปป.ลาวสูงมาก โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจพิเศษติดแนวชายแดนไทย เป็นช่องทางการลงทุนที่คุ้มค่า ด้วยค่าเช่าและสัมปทานนานกว่า 90 ปี

Mr.Nguyen Thanhที่ปรึกษาเศรษฐกิจและพาณิชย์สถานเอกอัคราชทูตเวียดนาม เผยว่า การทำตลาดของสินค้าไทยในเวียดนาม ยังมีโอกาสหลายช่องทางมากเนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่นิยมสินค้าไทยที่มีคุณภาพดีมากกว่าสินค้าจากจีน โดยสินค้าที่จะส่งออกไปขายเวียดนาม ที่ผ่านมาตรฐานและใบอนุญาตจาก ประเทศไทยแล้วต้องแจ้งจดทะเบียนในประเทศเวียดนาม ซึ่งสามารถติดต่อผ่านสถานทูตเวียดนามในประเทศไทยได้ง่าย สำหรับการหาลู่ทางการค้า แนะนำให้นักธุรกิจไทย เริ่มจากการไปออกงานแสดงสินค้า ในประเทศเวียดนามก่อน เพื่อหาคู่ค้าในประเทศเวียดนาม แต่ช่องทางสำคัญที่น่าสนใจคือ ขายให้กับร้านค้าไทยในประเทศเวียดนาม หรือ ขายเข้าซุปเปอร์มาร์ทไทยในเวียดนาม เป็นต้น สินค้าที่มีโอกาสสูงคือ อาหารไทย แต่ต้องปรับรสชาติให้เหมาะสมกับคนเวียดนาม เช่น ลดปริมาณความเผ็ด หรือกลิ่นฉุนผักผลไม้ เช่นลำไย ลองกอง สินค้าอุปโภคบริโภค สบู่ แชมพู แป้ง น้ำหอม  อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก และเสื้อผ้า โดยเฉพาะชุดกีฬา สินค้าเกี่ยวกับกีฬาจากประเทศไทยยังมีโอกาสสูงกว่าสินค้าจากประเทศจีน
           
ขณะที่ Mr.Sochivin Hang ปรึกษาเศรษฐกิจและพาณิชย์สถานเอกอัคราชทูตกัมพูชา ระบุว่า การลงทุนการค้าในกัมพูชา ในปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายมาก โดยกัมพูชา ยังเปิดรับสินค้าจากไทยทุกประเภท ทั้งนี้นักธุรกิจไทยสามารถติดต่อทางออนไลน์ลงทะเบียนผ่านเว็ปไซด์ ซึ่งขอข้อมูลจากสถานทูตกัมพูชาไทยประเทศไทยได้ทุกขั้นตอน

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1081 วันที่ 3 - 9 มิถุนายน 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์