วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จม.ร่างรธม.เป็นเรื่อง กกต.ชวนเห็นต่างใช้สิทธิ์

จำนวนผู้เข้าชม http://www.hitwebcounter.com/

กกต.ลำปาง วอนผู้เห็นต่างออกมาใช้สิทธิ  หลังพบจดหมาย 3,000 ฉบับ มีเนื้อหาหมิ่นเหม่คัดค้านการไปใช้สิทธิ์ออกเสียงลงมติ  ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้มาตรา 44 อายัดจดหมายทั้งหมด เร่งสืบสวนหาตัว
ขณะที่ กกต.ยังคงเดินหน้า อบรมวิทยากรออกเสียงระดับอำเภอ สำหรับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.59  ที่ห้องประชุมโรงแรมบุษย์น้ำทอง อ.เมือง จ.ลำปาง คณะกรรมการการเลือกตั้งประจังหวัดลำปาง กกต.ลำปาง ได้มีการจัดอบรมอบรมวิทยากรออกเสียงระดับอำเภอสำหรับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559  โดยมี พ.อ.ภาณุวัฒน์ เหนียวแน่น รองผบ.มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี กรรมการการออกเสียงประจำเขตการออกเสียงจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมกล่าวมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติ ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์บทบัญญัติและสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ โดยผู้อำนวยการประจำหน่วยออกเสียง เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยประจำหน่วยออกเสียง ตำรวจทหารในพื้นที่ ในเขตพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ของจังหวัดลำปาง รวมจำนวนกว่า 100 คน

ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 ระหว่างเวลา 08.0016.00 น. ให้เป็นเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย ต้องใช้ความระมัดระวังในการทำหน้าที่ อย่าให้มีลักษณะเป็นการชี้นำว่าให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงให้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัว รวมทั้งการหลีกเลี่ยงขยายความหรือตีความ และระมัดระวังการให้ข้อมูลอันอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งของกลุ่มบุคคลต่างๆ

ขณะที่ นายสุคนธ์ เรือนสอน ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดลำปาง  กล่าวถึง กรณีที่ทำการไปรษณีย์ลำปาง  ตรวจพบความผิดปกติของจดหมายมากกว่า 2,600 ฉบับ ที่มีความหมิ่นเหม่ เพราะใจความในจดหมายเป็นการเชิญชวนประชาชนไม่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังรับแจ้งเหตุ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูและความสงบเรียบร้อยได้เข้าตรวจสอบทันที โดยมีทาง พล.ต.กิตติศักดิ์ แม้นเหมือน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ตำรวจ เจ้าหน้าที่ กกต.ลำปางเข้าตรวจสอบ

ผอ.กกต.ลำปาง  กล่าวว่า  เนื้อหาในจดหมายดังกล่าว ได้มีการกล่าวถึงร่าง รธน.ในหลายเรื่อง เช่น  สิทธิรักษาพยาบาลมีเฉพาะผู้ยากไร้เท่านั้น เท่ากับเป็นการยกเลิกการรักษาพยาบาลฟรี และ 30 บาทรักษาทุกโรค  , ผู้ที่อายุเกิน 60 ปีที่มีรายได้ จะไม่มีเบี้ยผู้สูงอายุ  และจะได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ ,  การเรียนฟรีได้ถึงชั้น ม. 3 เท่านั้น  , ให้ สว.สรรหาเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ส.ว.สรรหามีวาระ  5 ปี แต่ ส.ส.มีวาระ 4 ปี เท่ากับว่า ส.ว.เลือกนายกฯได้ถึง 2 คน   เป็นต้น   โดยในท้ายของจดหมาย กล่าวไว้อีกว่า สิทธิของประชาชนจะหายไปหรือไม่ อยู่ที่การไปใช้สิทธิในวันที่ 7 ส.ค.59 นี้   และพบว่าจดหมายทั้งหมด มีจุดหมายปลายทาง ในพื้นที่ จ.ลำพูน

พล.ต.กิตติศักดิ์ แม้นเหมือน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ตำรวจ ได้อาศัยมาตรา 44.ตรวจยึดอายัดจดหมายทั้งหมดแล้วและได้ ให้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่ สภ.เมืองลำปาง ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างสืบสวน ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบคนที่นำจดหมายมาหย่อนในตู้จดหมาย ซึ่งคาดว่าจะหาตัวไม่ยาก และงานนี้ถือเป็นงานชิ้นแรกหลังจากที่มีการตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจังหวัดลำปาง ขึ้นตั้งขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศเมื่อวันที่  1 ก.ค. ที่ผ่านมา

ต่อมาวันที่ 14 ก.ค. 59  ที่สำนักงานไปรษณีย์ สาขาลำปาง  พ.อ.เมธา ณ พิกุล รองเสนาธิการ มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี  พร้อม ร.ต.อ.จักรตุลย์ ทองกิ่ง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองลำปาง เจ้าหน้าที่ กกต.ประจำจังหวัดลำปาง และกำลังทหาร เข้าตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งจากหัวหน้าสำนักงานไปรษณีย์ ว่าพบซองจดหมายลักษณะเดียวกันกับที่มีข้อความหมิ่นเหม่เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญอีกจำนวน 710 ฉบับ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ได้ไปไขตู้ไปรษณีย์ บริเวณหน้าร้านเก้ารวมช่วง บริเวณแยกท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง ลำปาง  และพบว่าจดหมายระบุเพียงที่อยู่ของผู้รับ โดยไม่มีชื่อเจ้าบ้านแต่อย่างใด ลักษณะเดียวกันกับที่พบในครั้งแรก  ปลายทางระบุไปที่ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน   จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับอายัดจดหมายทั้งหมดไว้แล้ว 

พ.อ.บรรจง คะวงศ์ดอน  รักษาราชการแทนหัวหน้ากองกิจการพลเรือน มทบ.32  กล่าวว่า หลังพบจดหมายดังกล่าว  ทางหน่วยก็รายงานไปยังกองทัพภาคที่ และทางกองทัพได้รายงานต่อไปยังกองทัพบก และรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้ส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการอย่างไรต่อไป  พร้อมกันนี้ได้มีการประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจด้านหลักฐานจากกล้องวงจรปิด  หรือหากมีผู้ที่รู้เบาะแสขอให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ทหาร หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1087 วันที่ 15 - 21 กรกฎาคม  2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์