วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ให้รถในวงเวียน (รอ) ไปก่อน !

จำนวนผู้เข้าชม Hit Web Stats


ก่อนที่จะวิสัชนาเรื่องวงเวียน ลองเปิดดูกฎหมายจราจรว่าด้วยการใช้วงเวียนกันก่อน

           
เขาบอกว่าเมื่อผู้ขับขี่รถมาถึงทางร่วมทางแยก ให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติดังต่อไปนี้ คือ ถ้ามีรถอื่นอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถทางร่วมทางแยก นั้นผ่านไปก่อน ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกัน และไม่รออยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนไปผ่านไปก่อน
           
เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกใดมีทางเดินรถทางเอกตัดผ่าน ทางเดิน รถทางโท ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับขี่รถในทางเอกมีสิทธิขับผ่านไปก่อน
           
ทางเดินรถทางเอก ได้แก่ ทางเดินรถที่เจ้าพนักงานจราจรได้ประกาศ และติดตั้งเครื่อง หมายจราจร แสดงว่าเป็นทางเดินรถทางออกหรือป้าย "หยุด" อยู่ที่ริมทางร่วมทางแยกนั้นให้ถือว่าเป็นทางเดิน รถทางโททางเดินรถอื่นนอกจากทางเดินรถทางเอก ตามวรรคหนึ่งถือว่าเป็นทาง เดินรถ ทางโท
           
ในกรณีที่วงเวียนใดได้ติดตั้งสัญญาณจราจร ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตาม สัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรนั้น
           
ถ้าไม่มีสัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรตามวรรคหนึ่ง เมื่อผู้ขับขี่รถมาถึงวงเวียนต้องให้สิทธิแก่ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถอยู่ในวงเวียน ทางด้านขวาของคนขับผ่านไปก่อน ในกรณีเจ้าพนักงานจราจรเห็นสมควร เพื่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจรจะต้องใช้สัญญาณ จราจรเป็นอย่างอื่นแล้วนอกจากที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรที่พนักงาน เจ้าหน้าที่กำหนดให้
           
แปลความสั้นๆทั้งหมดนี้ได้ว่า ใครมาถึงวงเวียนก่อนไปก่อน
           
มีงานวิจัยด้านการจราจรกล่าวไว้ว่า วงเวียนเป็นระบบการจราจรที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนเส้นทาง ทั้งปลอดภัยกว่า และง่ายต่อการดูแลรักษา ไปจนถึงยังช่วยลดมลภาวะจากการจราจรให้รถไม่ติดขัดและสามารถคล่องตัวได้ดี เป็นระบบจราจรสากลที่ไม่ใช้ไฟแดง ที่ใช้หลักการไหลเป็นวงกลม
           
ให้รถในวงเวียนไปก่อน ทั่วโลกก็ใช้หลักการเดียวกัน
           
แต่ดูเหมือนว่าที่เมืองลำปาง จะกลายเป็น “ให้รถในวงเวียน...รอ...ไปก่อน เสียมากกว่า”
           
เพราะเท่าที่สังเกตดู จะเห็นได้ว่าวงเวียนหอนาฬิกา ที่ข่วงเมืองนครลำปาง วงเวียนยอดฮิตที่ผ่านเส้นนั้นทีไร ดูจะเป็นวงเวียนวัดใจเข้าไปทุกวัน
           
ปัญหาที่เจอกันเป็นประจำที่วงเวียนหอนาฬิกานี้คือ เวลาที่รถมาจ๊ะเอ๋ พร้อมๆกัน ซึ่งตามหลักการแล้วเราก็ควรปล่อยให้รถทางขวามือเราไปก่อน แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่ในอุดมคติ เพราะในความเป็นจริงแล้วรถยนต์ มอเตอร์ไซด์หลายคันไม่ได้สนใจที่จะดูป้ายคำสั่งเลย
           
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเราคือรถทางโท (นอกวงเวียน) พุ่งตรงมาด้วยความเร็วแบบไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วเพื่อให้รถในวงเวียนเคลื่อนตัวออกไป ทำให้หลายครั้งที่รถทางเอก(ในวงเวียน)ต้องหยุดเพื่อให้รถที่พุ่งตัวมานั้นไปก่อน ทำให้รถที่อยู่ในวงเวียนก็ติดเป็นหางว่าว (ไม่อยากนึกถึงสภาพตอนเวลาเลิกเรียน)
           
และด้วยความที่ไม่ยอมให้รถในวงเวียนไปก่อนตามหลักสากลที่ทุกคนเข้าใจ จึงไม่แปลกที่จะเกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง เพราะรถในวงเวียงต่างเข้าใจว่าควรขับออกไปได้ ดังนั้นจะเกิดรถชนกันตูมตามที่วงเวียนก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายได้
           
การรณรงค์เรื่องการรักษากฎจราจรจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้วงเวียนไม่ใช่เรื่องน่าวิงเวียนหรืองุนงงสงสัยอีกต่อไป หากทุกคนร่วมใจกันปฏิบัติตามกฎจราจร เพิ่มน้ำใจบนท้องถนนกันให้มากๆ ปัญญาวงเวียนที่วนเวียนจนรถชนกันโครมครามคงหายไป
           
หลายคนเรียกร้องให้นำสัญญาณไฟจราจรมาใช้เหมือนเมื่อสมัยสิบกว่าปีที่ผ่านมา
           
เราลองมาคิดถูกว่าหากบริเวณหอนาฬิกา กลับมาใช้ระบบสัญญาณไฟจราจรเหมือนเมื่อก่อน หากจราจรจะติดขัดเพียงใด ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลาโรงเรียนเลิก เพราะเส้นถนนนั้นเชื่อมต่อ หลายโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนเทศบาล 4 ประชาวิทย์ อัสสัมชัญ อรุโณทัย มัธยมวิทยา และยังไม่นับโรงเรียนอื่นๆที่รถรับส่ง รถผู้ปกครองที่มารับลูกๆหลังเลิกเรียน
           
แล้วถ้าฝนตกอีก รถจะติดหนักขนาดไหน
           
บางทีเราอาจต้องมาพิจารณากันบ้างว่าสิ่งที่หายไป คือ สัญญาณไฟจราจรหรือ น้ำใจและวินัยการใช้รถ ใช้ถนน ที่สาบสูญไปจากการใช้รถใช้ถนนเมืองลำปางกันแน่
           
นี่ยังไม่นับการขับขี่ยวดยานพาหนะกันแบบตามใจฉัน ใครใคร่จอดตรงไหนเมื่อไหร่ ก็จอดกันตามสบาย บริเวณที่มีป้ายห้ามจอด ก็จอดกันหน้าตาเฉย ฟุตบาทที่ทาสีขาวแดงที่แปลว่าห้ามจอดก็จอดกันกระจาย ถนนทางโค้งที่ไม่ควรจอดก็ยังเห็นรถจอดกันแบบไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ 
           
เพราะทำตามใจฉัน คือลำปางแท้ๆ คนมาถึงวงเวียนก่อน จึงต้องรอให้คนมาทีหลังไปก่อน

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1092 วันที่ 19 - 25 สิงหาคม 2559)
Share:

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25 สิงหาคม, 2559 03:57

    หลังจากเกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง หาก จนท. จารลงคะแนนในใบขับขี่บันทึกเป็นประวัติศาสตร์ชาติ คิดว่าอีกหน่อยไม่เกินชาตินี้ มันจะดีขึ้นเองครับ

    ตอบลบ

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์