วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

‘อารมณ์ดิน’ งานปั้นอารมณ์ดี

จำนวนผู้เข้าชม website counter

หากจะพูดถึงเครื่องปั้นดินเผานับว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องในชีวิตมนุษย์ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ หลังจากที่มนุษย์รู้จักการใช้ไฟและนำดินมาปั้นแล้วเผาเป็นภาชนะเครื่องใช้ หรือแม้กระทั่งเป็นสัญลักษณ์ ความเชื่อประเพณี ศาสนาและ ด้านศิลปะเป็นการแสดงออกทางศิลปะ จนถึงปัจจุบันเครื่องปั้นดินเผายังเป็นส่วนหนึ่งของงานเครื่องใช้ในบ้านงานตกแต่ง ของที่ระลึกและของที่มีคุณค่าทางศิลปะไปจนถึงเครื่องบูชาที่มีผลทางจิตใจ
           
ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาผลงานสร้างสรรค์เครื่องปั้นดินเผาเณรน้อยน่ารักในอิริยาบถต่างๆเป็นสินค้ายอดนิยมไปทั่วประเทศไทย แต่ใครจะรู้บ้างว่าเบื้องหลังผลงานเหล่านั้น มีจุดเริ่มต้นจากโรงงานดินเผา "อารมณ์ดิน" ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จ.ลำปาง โรงงานเล็กๆคับด้วยคุณภาพโดย  โจ อรรถเทพ  สมัครธัญกิจ และอุ้มสุพิชญา อดิภัทรนันท์คู่รักอารมณ์ดี ที่ก่อตั้งโรงงานด้วยใจรัก
           
โจ อรรถเทพหนุ่มหน้าตาเรียบร้อยแต่ซ่อนอารมณ์ติสไว้หลังแว่นสายตาเขาเล่าว่า จากพื้นฐานของการชอบงานศิลปะและศึกษาจบด้านศิลปะและเซรามิกจากม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพ เชียงใหม่(เทคโนตีนดอย)บ่มเพราะความเป็นศิลปินในหัวใจ เขาสนใจและเรียนรู้งานเครื่องเคลือบดินเผาและงานเซรามิกกับอาจารย์ในคณะและอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น และเป็นต้นทางให้เขาทำเตาเผารากุ ซึ่งเป็นเตาเผาเครื่องปั้นขนาดเล็กในครัวเรือน ซึ่งจะได้ชิ้นงานที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
           
“แรงบันดาลใจในการทำโรงงานของตัวเองนั้นเริ่มตั้งแต่สมัยเรียน ตอนนั้นนำผลงานปั้นดินเผาที่ส่งอาจารย์แล้ว และผลงานเครื่องปั้นที่ผมทำขึ้นจากเตารากุไปขายที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ ซึ่งทำรายได้ดี สมัยนั้นผมทำขลุ่ยดินเผา ซึ่งนิยมมากในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ หลังจากเรียนจบผมก็กลับมาทำโรงงานเล็กๆที่บ้าน ทำงานขายเป็นรายได้ระหว่างรอสมัครงาน แต่ปรากฏว่าสาขาเซรามิกที่ผมจบมา สมัครงานยากก็เลยตัดสินใจทำงานของตัวเองขายแทนความคิดจะไปทำงานในโรงงาน” นั่นคือจุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นโรงงานอารมณ์ดินทุกวันนี้
           
โจเล่าต่อว่าเขาลงทุนเปิดโรงงานอย่างจริงจังที่บ้านเมื่อปี 2547 ช่วงแรกเขาทำงานปั้นดินเผาประเภทดินแดงเน้นงานชิ้นเล็กๆเป็นรูปสัตว์และตุ๊กตาต่างๆ สำหรับงานแต่งสวน ด้วยผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่เน้นความน่ารักมีอารมณ์เปื้อนยิ้มอยู่ในชิ้นงาน ทำให้เขามีโอกาส รับงานแต่งสวนหน้าห้างโลตัสตัวทุกสาขา  ทำให้ “อารมณ์ดิน” เริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น
           
จุดพลิกผันอีกครั้งหลังจากเดินทางสายงานปั้นดินแดงไประยะหนึ่ง เขาค้นหาทางออกของการผลิตสินค้าที่มีน้ำหนักเบาขึ้น มีความหลากหลายตอบโจทย์เรื่อง "อารมณ์ดิน" ของเขาชัดเจนขึ้น ด้วยการหันมาทำงานเครื่องปั้นจากดินขาว แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบจำสูตรการเผาและเคลือบเซรามิกที่ยุ่งยาก ซับซ้อน เขาจึงเลือกสร้างงานแบบการเผาเซรามิกแบบไฟต่ำ หรือที่เรียกกันว่า บิสกิต (Biscuit)มาเพ้นท์สีอคลิลิคแทน ซึ่งให้ผลงานที่แตกต่างด้านสีสันและสร้างอารมณ์สดใสผ่านชิ้นงานได้ง่ายกว่าการให้สีแบบการเผาเคลือบเซรามิก ผลงานที่ออกสู่ตลาดชุดแรกๆ คือครอบครัวเต่าอารมณ์ดี ได้รับความนิยมและมียอดสั่งผลิตต่อเนื่อง แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางตลาดแต่งบ้านและสวน
           
“ผมถือว่าประสบความสำเร็จมากในการทำงานเพ้นท์บนเครื่องปั้นดินเผาไฟต่ำ จุดขายของผมยิ่งชัดเจนมากขึ้นจากการให้สีและการสร้างแม่พิมพ์งานปั้นทุกชิ้นให้มีความน่ารัก ดูอารมณ์ดี สีสันสดใสจับวางไว้ที่ไหนใครเห็นก็มีความสุข และเริ่มออกงานแฟร์ เช่นงานเซรามิกแฟร์ในลำปาง งานบ้านละสวนที่ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเวทีเรียนรู้ด้านการตลาดและพฤติกรรมลูกค้า ที่สำคัญทำให้มีโอกาสพบคนเก่งๆมากมาย ซึ่งผมได้เจอศิลปินหลายท่าน และผลงานดินแดงของช่างปั้นคนหนึ่งชื่อ“นายดี” เป็นผู้แนะนำและจุดประกายความคิดของผมในการนำสามเณรมาทำรูปแบบเซรามิกในสไตล์ของอารมณ์ดิน ซึ่งผมได้ศึกษาค้นคว้าอิริยาบถต่างๆของสามเณร ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับท่วมท้นมียอดสั่งผลิตหลายหมื่นชิ้น เป็นสินค้ายอดนิยมที่โรงงานอื่นผลิตแข่งขันกันในท้องตลาดอย่างคึกคัก แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ยังไม่หยุดคิดแบบงานใหม่ๆออกมารองรับก่อนตลาดจะอิ่มตัวตอนนี้ อารมณ์ดีได้ออกแบบพิฆเนศภาคเด็กน้อยเวอร์ชั่นต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้รับผลตอบรับดีมาก นอกจากนี้ยังเตรียมออกแบบงานปั้นที่มีเอกลักษณ์แบบไทยประยุกต์สำหรับตลาดต่างประเทศที่ชื่นชอบความเป็นไทย"
           
นั่นคือเหตุและผลของการเติบโตทุกย่างก้าว มิได้มาซึ่งความสวยงามทุกเส้นทาง หากแต่การแข่งขัน และสงครามราคาทำให้โจต้องใช้ทักษะทุกด้านที่เขามี ประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ที่มีพื้นฐานมาจากคนรักศิลปะ ทำให้เขาเป็นผู้นำได้ไม่ลำบากนัก การคิดออกแบบนำเสนองานด้วยแบบสเก็ตด้วยตัวเอง สื่อสารไปยังช่างปั้น จนถึงกระบวนการทำแม่พิมพ์ งานเพ้นท์ และกรรมวิธีการผลิตงานศิลปะในเชิงอุตสาหกรรม ผ่านการควบคุมอย่างละเอียด ด้วยการจ้างงานราคาสูงกว่าค่าแรงทั่วไป
           
งานด้านการตลาดและการพัฒนาอื่นๆรอบด้าน มีอุ้มสุพิชญา อดิภัทรนันท์เป็นแรงเสริมที่แข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง แต่มีต้นทุนเพิ่มให้น้อยที่สุด นั่นคือการขายไอเดียและงานฝีมือ
           
“ด้วยพื้นฐานวิธีคิดของอุ้มกับพี่โจ คือเราเป็นคนช่างเลือก จะซื้ออะไรเราก็เลือกของที่คิดว่าเราชอบ และดี ราคาสมเหตุสมผล ดังนั้นเมื่อเราจะทำสินค้าใดๆทุกชิ้นต้องเฟอร์เฟคเท่านั้น เมื่อผลิตภัณฑ์ของเราสามารถเข้าถึงจิตใจผู้ซื้อได้ ถือว่าประสบความสำเร็จครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของการตลาด ดังนั้นเราจึงไม่กลัวเรื่องการก๊อปปี้ หรือการทำสินค้าราคาถูกกว่าออกมาแข่ง เหมือนที่เราเคยเจอ เพราะลูกค้าขายส่งทุกรายที่เคยสั่งซื้อกับเราสุดท้ายก็กลับมา เพราะคุณภาพชิ้นงานที่สมกับราคาทำให้เขามีกำไรได้ดีกว่า ไม่เสียชื่อเสียง เมื่อเทียบกับเอาของถูกไปขาย แต่คุณภาพไม่ดี ไม่มีบริการหลังการขายเช่นงานแตกเสียหายระหว่างการขนส่งหรืออื่นๆ คุณภาพและฝีมือทำให้เราอยู่ได้อย่างมั่นคง”
           
จากคำบอกเล่ามากมายถึงความเป็นไปเป็นมาของ อารมณ์ดิน หนึ่งในโรงงานเครื่องปั้นดินเผา ลำปางที่ยังยืนหยัดอย่างสง่างาม แม้ในยามเศรษฐกิจถดถอย เพียงเพราะจุดขายและตัวตนที่ชัดเจน ประกอบกับเทคนิคในกระบวนการผลิตที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่งานศิลป์เมื่อเทียบกับวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตเท่าๆกันของโรงงานทั่วไป ทุกวันนี้ ในทางการตลาด อารมณ์ดินเป็นเสมือนสองคนในร่างเดียว เพราะนอกจากจะเป็นโรงงานขายส่งและรับจ้างผลิต แล้ว ยังออกแบบชิ้นงานเฉพาะเป็นคอลเลคชั่นไม่เกิน 50-100 ชิ้น สั่งจองล่วงหน้า ผ่าน www.arromdin.comเฟสบุ๊คแฟนเพจGashananอารมณ์ดินเพื่อแสดงตัวตนอยู่แถวหน้าของงานหัตถอุตสาหกรรมในตลาดยุคใหม่อย่างเหนือชั้นนั่นเอง

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1096 วันที่ 16 - 22 กันยายน 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์