วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

สารขัณฑ์ ต้านโกง

จำนวนผู้เข้าชม

หากแคมเปญต้านโกง ขององค์กรต่อต้านคอรัปชั่น เป็นผล วันนี้เราคงไม่ต้องเสียเวลาทำมาหากิน เสียงบประมาณมาประกอบพิธีกรรมต้านโกงกันให้เสียเวลา เพราะในขณะที่ปรากฏตัวโอ่อ่าบนเวทีว่า เป็นผู้แข็งขันในการต้านโกง แต่บางคนในนั้นก็รู้กันทั่วเมืองว่า เอ็งน่ะตัวดี
           
คำเล็กๆไม่ คำใหญ่ๆเอา
           
ควรต้องสังเกตว่าบรรดาบริษัท กิจการห้างร้านที่รวมกันชูธงต้านคอรัปชั่นในองค์กรระดับชาตินั้น ไม่มีบริษัทที่เกี่ยวกับผู้รับเหมา ที่เป็นต้นน้ำของการโกง เข้าเป็นสมาชิกแม้แต่รายเดียว ฉะนั้นยิ่งต้านกันเพียงพิธีกรรม ก็จะต่างอะไรกันเล่า กับละครฉากหนึ่ง ฉากหนึ่งในสารขัณฑ์แลนด์
           
สารขันฑ์แลนด์ แดนสนธยา ที่มันจะมีเรื่องราวที่น่าพิศวงชวนหัวร่อ แต่น้ำตาคนในประเทศไหลรินๆอยู่ข้างใน เมื่อไม่นานมานี้มีการจ่อชงกฎหมายว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์  ห้าม “ชาร์จไฟหลวง-ใช้รถหลวง-ใส่ซองตราครุฑงานแต่ง”
           
เรื่องนี้เขาบอกว่าผ่านการพิจารณาของ ครม.ในเบื้องต้นแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาปรับแก้ไขถ้อยคำตามกระบวนการ คาดว่าจะส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ฯ ให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อส่งต่อให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในขั้นต่อไป เอาเข้าจริงๆแล้ว เป็นการดีที่จะมีการออกกฎหมายที่จะปราบโกงกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่หากในกฎหมายนั้นจะลงมาถึงการห้าม ชาร์จไฟหลวง-ใช้รถหลวง-ใส่ซองตราครุฑงานแต่ง ที่ตอนนี้มีเสียงสะท้อนดังๆ อย่าง
           
ข้าราชการระดับสูงกระทรวงพาณิชย์คนหนึ่ง ขอเอามือปิดป้ายชื่อตัวเองแล้วให้ความเห็นว่า เรื่องโกงหรือไม่โกง ใช้พัสดุของสำนักงานเพื่อประโยชน์ส่วนตนนั้น จุดเริ่มต้นที่ดีคือการปลูกฝังจิตสำนึกของคนให้ใช้พัสดุของสำนักงานไปทางที่ชอบและไม่เห็นแก่ตัว ต่อไปในอนาคตหากให้กฎหมายออกมาเข้มงวดแค่ไหน หากปลูกฝังจิตสำนึกได้ดี กฎหมายก็เป็นเรื่องไม่น่ากลัว
           
แต่หากมีการระบุรายละเอียดกฎหมายถึงขั้นชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ส่วนตัวในสำนักงาน ใช้ซองขาวตราครุฑไปในงานส่วนตัว แล้วมีความผิดนั้น เป็นการกำหนดรายละเอียดที่ยิบย่อยเกินไป หากข้าราชการกระทำตามข้อห้ามที่ยิบย่อยนั้นก็อาจจะมีการตักเตือนแต่คิดว่าคงไม่ถึงขั้นลงโทษรุนแรง ขณะเดียวกัน การใช้โทรศัพท์ส่วนตัวในสำนักงานบางครั้งก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ขององค์กร การจะห้ามชาร์จแบตเตอรี่ในสำนักงานก็เป็นเรื่องน่าคิด
            
ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ให้ความเห็น
           
ข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรมอีกรายหนึ่ง บอกทำนองเดียวกันว่า กฎหมายนี้ทำให้ตีความได้ว่าไม่สามารถทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยุมหยิมได้ แม้แต่การชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือได้ ถือเป็นกฎหมายที่สุดโต่งแบบซ้ายเกินไป ขวาเกินไป หากเป็นไปได้ ก็อยากให้มีการพิจารณาอีกครั้ง อยากให้รอบคอบและเหมาะสม
           
ประเทศสารขัณฑ์ที่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญแม้แต่เรื่องหยุมหยิม ยุบยิบ แต่เรื่องใหญ่ๆที่โกงกินกันหลายแสนล้าน โกงงบประมาณประเทศชาติ กว่าจะเอาผิดได้แต่ละคดี เรื่องก็ผ่านไปราวสิบปีได้ บางคดีคนผิดล้มบนฟูก คนโกงเสวยสุขจนตายกันไปข้าง กว่าความจริงจะปรากฏว่าโกง สุดท้ายระบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึกอย่างประเทศไทย คนตัวเล็กตัวน้อยก็อึดอัดกับระบบที่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คนตัวใหญ่ตัวโตก็หาช่องทางวิธีกินเนียนๆกันไป 
           
สุดท้ายก็เป็น “เสือกระดาษ”  อย่างที่ลำปาง น่าน และอีกหลายจังหวัดที่มีการตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกป่า ที่ที่เราก็มีกฎหมาย บทลงโทษกำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่ผ่านมากี่สิบปี มีสักกี่ครั้งที่จับตัวเล็กตัวน้อยได้ ตัวบงการใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีปัญญาสามารถสาวลึกไปถึง “นายใหญ่”  ได้อย่างแน่นอน เพราะเกือบทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ป่าไม่บุกเข้าไปจับ ก็จะเห็นแต่ของกลางทั้งท่อนไม้ที่ล้มแล้ว แปรรูปแล้ว เลื่อยไฟฟ้า มอเตอร์ไซด์ และอุปกรณ์ต่างๆทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนวายร้ายก็ลอยนวลไปได้ ไม่ใช้ว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่เก่ง แต่บางทีมันก็เหมือนมี “มนต์ดำ”มาบังตา เจ้าหน้าที่ดีๆก็มีแต่ไม่มากเท่าพวกมนต์ดำ
           
ตราบได้ที่เรายังไม่สามารถเอาจริงกับเรื่องใหญ่ๆ กล้าท้าชนอำนาจมืดที่มองไม่เห็น เราก็จะได้ยินข่าวที่ผู้ต้องหาที่อาจสาวไปถึงตัวการใหญ่ได้ได้ ติดเชื้อในกระแสเลือดตาย ตับแตกตาย หรือตายประหลาด อยู่ล่อยครั้งได้
           
การจะรณรงค์ต้านโกง สร้างภาพนั้นควรทำตั้งแต่การสร้างจิตสำนึก เริ่มที่สถาบันครอบครัว โรงเรียน ฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ไว้ในตัวตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่สร้างภาพ ละลายงบ จัดกิจกรรมละลายเงินได้ภาพครอบกรงให้ตุ๊กตา ดูมุ้งมิ้งน่ารักดี แต่ผลเชิงประจักษ์ที่ดำเนินกันมาหลายปี ก็ยังหาปรากฏ มีแต่การรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ ระดมคนมาร่วมถ่ายรูป แต่คนนำไปปฏิบัติจริงมีแค่หยิบมือ
           
ก็ได้แต่หวังว่า ลำปางคงไม่เป็นอย่างประเทศสารขัณฑ์ ประเทศที่ปากว่าตาขยิบ มือก็ขยิบจกเงินหลวงเข้ากระเป๋า

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1096 วันที่ 16 - 22 กันยายน 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์