วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

พบอบต. ต้นเรื่องฉาวถนนรุกป่าหลักฐานชัดแขวงทางยัน

จำนวนผู้เข้าชม Must See Places In Paris

แขวงทางหลวงชนบทเผยที่มาสร้างถนนรุกป่าสงวน ยัน อบต.เสริมขวารับรองว่าเป็นเขตทางสาธารณะใช้มากว่า 10 ปี จึงลงมือก่อสร้างไม่มีเจตนารุกป่า ด้านนายก อบต.เสริมขวารับรองเขตทางจริง แต่การตรวจสอบพื้นที่อยู่ที่ผู้ดำเนินการ พนักงานสอบสวนเรียกสอบแล้ว
           
หลังจากที่ลานนาโพสต์ได้ยื่นหนังสือขอตรวจสอบความเป็นมาของโครงการก่อสร้างถนนบ้านแม่กึ๊ด-ปงแพ่ง ตามอำนาจ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 ไปยังผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทลำปาง  โดยทางแขวงทางหลวงชนบทลำปาง ได้ลงรับหนังสือ  เลขที่  2248 ลงวันที่ 7 ก.ย. 59
           
เมื่อวันที่  21 ก.ย. 59  แขวงทางหลวงชนบทลำปาง ส่งหนังสือตอบกลับถึงลานนาโพสต์  ลงนามโดยนายยุทธศักดิ์ ต่อโชติ  ผอ.แขวงทางหลวงชนบทลำปาง พร้อมแนบสำเนาหนังสือขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างถนนลาดยาง บ้านปงแพ่ง  1 ชุด , ระวางแผนที่และภาพถ่ายสาย ลป.4041-บ้านปงแพ่ง อ.เสริมงาม จ.ลำปาง 1 ชุด , สำเนาหนังสือแขวงทางหลวงชนบทลำปาง ที่ คค 0715/ลป/728 ลว. 7 เม.ย.55 1 ชุด  , สำเนาหนังสือจากองค์การบริหารส่วนตำบลเสริมขวาที่ ลป 78903/323 ลว. 28 มิ.ย.54  1 ชุด และสำเนาหนังสือการลงทะเบียนเป็นทางหลวงชนบท 1 ชุด 
           
ทั้งนี้ แขวงทางหลวงชนบทลำปาง ได้ชี้แจงรายละเอียดโครงการก่อสร้างถนนดังกล่าว ช่วงก่อนการดำเนินการของบประมาณมาก่อสร้างและปรับปรุงถนน ระบุว่า แขวงทางหลวงชนบทลำปาง ได้รับหนังสือจาก อบต.เสริมขวา ลงวันที่ 16 ก.ค.52 เรื่องขอรับการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างถนนลาดยาง บ้านปงแพ่ง หมู่ 2 ต.เสริมขวา ถึงบ้านแม่กึ๊ด หมู่ 1 ต.ทุ่งงาม อ.เสริมงาม  ซึ่งเป็นถนนที่ราษฎรเดินทางสัญจรไปมาเป็นประจำ แต่สภาพถนนเป็นลูกรัง ทำให้การเดินทางไม่สะดวก ถนนมีความกว้างโดยประมาณ 8 เมตร ยาว 12 กิโลเมตร  
           
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 กรมทางหลวงชนบท ได้มีนโยบายจะปรับปรุงโครงข่ายถนนทางหลวงชนบทให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมทางหลวงชนบทกำหนด  จึงได้เข้าไปสำรวจสภาพถนนสายทางนี้ตามที่มีหน่วยงานร้องขอ พบว่าสายทางนี้เชื่อมต่อระหว่างทางหลวงหมายเลข 1274 ไปถึงถนนทางหลวงชนบท ลป.2016  ที่บ้านปงแพ่ง ระยะทางรวม 9.090 กิโลเมตร สภาพทางเดิมเป็นลูกรังกว้าง 8 เมตร ไม่มีสภาพป่าไม้เหลืออยู่ในแนวถนน สามารถใช้เป็นทางลัดทางเลี่ยงได้ประมาณ 5 กิโลเมตร
           
แขวงทางหลวงชนบทจึงได้มีหนังสือถึง อบต.เสริมขวา ลงวันที่ 7 เม.ย.54 เพื่อขอรับรองเขตทางว่าได้เป็นทางสาธารณประโยชน์เป็นเวลานานเกิน 10 ปี เพื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่กรมทางหลวงชนบทกำหนดในการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ  และ อบต.เสริมขวาก็ได้มีหนังสือตอบกลับ ลงวันที่ 28 มิ.ย.54  รับรองเขตทางว่าได้เป็นสาธารณประโยชน์เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ซึ่งเป็นผิวจราจรกว้าง 8 เมตร   แขวงทางหลวงชนบทจึงได้รวบรวมเอกสารและขอลงทะเบียนเป็นทางหลวงชนบทสาย ลป.4041 แยกทางหลวงหมายเลข 1274(กม.ที่ 58+500) ถึงบ้านปงแพ่ง อ.เสริมงาม ระยะทาง 9.090 กิโลเมตร เป็นผิวจราจรลูกรังกว้าง 8 เมตร เพื่อดำเนินการก่อสร้างถนน ตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.ทางหลวง(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2549   ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงผิวถนนมาตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2559 ปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วระยะทาง 8.7 กิโลเมตร คงเหลือถนนลูกรังอีก 0.420 กิโลเมตร
           
การที่แขวงทางหลวงชนบทลำปาง ไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาตินั้น เนื่องจากได้รับมอบพื้นที่ถนนลูกรังเดิมจาก อบต.เสริมขวา ซึ่งได้รับรองเขตทางถนนลูกรังดังกล่าว ว่าเป็นถนนลูกรังกว้าง 8 เมตร มีเขตทางขว้าง 10-15 เมตร และเป็นทางสาธารณประโยชน์เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี อีกทั้งสภาพพื้นที่ก่อสร้างสองข้างทาง ยังมีการกั้นแนวรั้วแสดงความเป็นเจ้าของด้วยบางส่วน จึงไม่ได้คิดว่าแนวถนนดังกล่าว อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ ไม่ได้มีเจตนารุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนฯ และระหว่างดำเนินการก่อสร้างที่ผ่านมาหลายปี ก็ไม่มีหน่วยงานใดมาทักท้วง
           
ด้านนายอำนวย ใจลังก๋า นายก อบต.เสริมขวา  เปิดเผยว่า  ในสมัยที่ยื่นของบประมาณในการก่อสร้างถนนเมื่อปี 52 ขณะนั้นมีนายทรงเดช ลังกา เป็นนายก อบต. ที่ต้องการก่อสร้างถนนลาดยางระหว่างบ้านปงแพ่งและบ้านแม่กึ๊ด เนื่องจากสภาพถนนเดิมเป็นลูกรังการเดินทางไม่สะดวก ต้องใช้งบประมาณ 27.6 ล้านบาท แต่ทาง อบต.ไม่มีงบประมาณในการดำเนินการจึงขอรับการสนับสนุนไปยังทางหลวงชนบท  ส่วนการรับรองเขตทางว่าเป็นทางสาธารณประโยชน์นั้นมีการรับรองจริง ในสมัยที่นายศักดิ์เสริม จันทร์ตา เป็นนายก อบต.  ซึ่งถนนเส้นนี้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์มานานกว่า 10 ปี  แต่ทาง อบต.ไม่ทราบได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนหรือไม่ เพราะพื้นที่ใน อ.เสริมงาม ก็เป็นป่าเกือบทั้งหมด จึงคิดว่าการตรวจสอบต่างๆ จะต้องเป็นของผู้ที่เข้ามาดำเนินการ
           
นายก อบต.เสริมขวา กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องไปทำการสอบสวนแล้ว ซึ่งตนเองก็ได้ไปให้ปากคำมาแล้วเช่นกัน  การจะสืบหาว่าใครผิดหรือถูกนั้นให้เป็นกระบวนการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดีกว่า


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1097 วันที่ 23 - 29 กันยายน 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์