วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ในหลวงกับ หลวงพ่อเกษม

จำนวนผู้เข้าชม website counter

าพหลวงพ่อเกษมสัมผัสพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ่ายโดยนายประพัฒน์ศร รุ่งเรือง สื่อมวลชนอาวุโส เป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่คนทั้งประเทศคุ้นเคยและจดจำได้ ภาพนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อเกษมนั้น จำหลักอยู่ในใจของสามัญชนทั่วไป จนตลอดไปถึงในดวงพระหทัยของมหาบพิตรผู้เป็นพ่อของแผ่นดิน
           
ในการสนทนาธรรมคราหนึ่ง ณ วัดคะตึกเชียงมั่น อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
           
ทรงมีพระราชปุจฉา : หลวงพ่อประจำอยู่ที่วัดนี้หรือ
           
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร อาตมาประจำอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์ 
           
พระราชปุจฉา : อยากไปหาหลวงพ่อเหมือนกัน แต่หาเวลาไม่ค่อยได้ ได้ทราบว่าเข้าพบหลวงพ่อยาก
           
หลวงพ่อเกษม : พระราชาเสด็จไปป่าช้าเป็น การไม่สะดวก เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย อาตมาภาพจึงมารอเสด็จที่นี่ ขอถวายพระพร มหาบพิตรสบายดีหรือ
           
พระราชปุจฉา : สบายดี
           
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพรมหาบพิตรพระชนมายุเท่าไร
           
พระราชปุจฉา : ได้ ๕๐ ปี
           
หลวงพ่อเกษม : อาตมาภาพได้ ๖๗ ปี
           
พระราชปุจฉา : หลวงพ่ออยู่ตามป่ามีความสงบ ย่อมจะมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากกว่าพระที่วัดในเมือง ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการปกครองและงานอื่นๆ จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า 
           
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะอยู่ป่าไม่มีภารกิจอย่างอื่น แต่ก็ขึ้นอยู่กับศีลบริสุทธิ์ด้วย เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน นิวรณ์ไม่ครอบงำก็ปฏิบัติได้ 
           
พระราชปุจฉา : การปฏิบัติอย่างพระมีเวลามากย่อมจะได้ผลเร็ว ส่วนผู้ที่มีเวลาน้อยมีภารกิจมาก จะปฏิบัติอย่างหลวงพ่อก็ไม่อาจทำได้ แล้วจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร เราจะหั่นแลกช่วงเวลาช่วงเช้าให้สั้นเข้าจะได้ไหม คือ ซอยเวลาออกจากหนึ่งชั่วโมงเป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงเป็นสิบนาที หรือห้านาที แต่ให้ได้ผล คือ ได้รับความสุขเท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น นั่งรถยนต์จากเชียงใหม่มาลำปางก็สามารถปฏิบัติได้ หรือระหว่างที่มาอยู่ในพิธีนี้มีช่วงที่ว่างอยู่ ก็ปฏิบัติเป็นระยะไป อย่างนี้จะถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ อยากจะเรียนถาม
           
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร จะปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้ ถ้าแบ่งเวลาได้
           
พระราชปุจฉา : ไม่ถึงแบ่งเวลาต่างหากออกมาทีเดียว ก็อาศัยเวลาขณะที่ออกมาทำงานอย่างอื่นอยู่นั้นแหละ ได้หรือไม่ คือ ใช้สติอยู่ทุกขณะจิตที่เกิดดับ ทำงานด้วยความรอบคอบให้สติตั้งอยู่ตลอดเวลา
           
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร มหาบพิตรทรงปฏิบัติอย่างนั้นถูกแล้ว การที่มหาบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติงานอย่างนี้ ก็เรียกว่าได้ทรงเจริญเมตตาในพรหมวิหารอยู่
           
พระราชปุจฉา : ก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น เช่นว่ามาตัดลูกนิมิตนี้ ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรม ด้วยขี้เกียจมาจึงมีกำลังใจมา และเมื่อได้โอกาสได้เรียนถามพระสงฆ์ว่า การปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลาสั้นๆ เป็นตอนๆ อย่างนี้จะได้ผลไหม อุปมาเหมือนช่างทาสีผนังโบสถ์ เขาทาทางนี้ดีแล้วพัก ทาทางโน้นดีแล้วพัก ทำอยู่อย่างนี้ก็เสร็จได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย จึงอยากเรียนถามว่าปฏิบัติอย่างนี้ จะมีผลสำเร็จไหม
           
หลวงพ่อเกษม : ปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้โดยอาศัยหลัก ๓ อย่าง คือ มีศีลบริสุทธิ์ ทำบุญในชาติปางก่อนไว้มาก มีบาปน้อย ขอถวายพระพร
           
(จาก หนังสือหลวงพ่อเกษม เขมโก)
           
ถึงแม้หลวงพ่อเกษม จะทูลสมเด็จว่า เป็นพระราชา เสด็จไปป่าช้า เป็นการไม่สะดวก เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย แต่เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๖ ก็ทรงเสด็จไปนมัสการ และถวายยารักษาโรค ยัง ณ สุสานไตรลักษณ์
           
สามปีต่อมา หลวงพ่อเกษม เขมโก ก็มรณภาพ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา ๑๙.๔๐ น. ของวันจันทร์ที่ ๑๕  มกราคม ๒๕๓๙ ซึ่งตรงกับวันแรม ๑๑  ค่ำ เดือน ๒
           
แต่ภาพประทับใจในหลวงและหลวงพ่อเกษม ภาพนี้ก็ยังติดตึงอยู่ในใจของคนลำปางตลอดไป

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1101 วันที่  21 -  27 ตุลาคม 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์