วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

ยุบกระทรวง! "ผ่าทางตันการศึกษา"

จำนวนผู้เข้าชม Must See Places In Paris

นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2257 ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ประยุทธ์ จันทร์โอชาหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งประเทศไทย หรือ คสช. ที่ออกมาประกาศรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลบความอึมครึมขุ่นมัวของบ้านเมืองที่ก่อนหน้าที่มีข่าวลือว่าจะเกิดปฏิวัติ ฝ่ายเสื้อสีขั้วต่างทางการเมืองที่ฮึ่มๆใส่กันและมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงกันหลายต่อหลายครั้ง

จนมาถึงวันนี้เกือบ 3 ปี แล้ว ที่ คสช. ได้ดำเนินการตามโร้ดแมป แผนปฏิรูปประเทศไทย จากห้วงเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนประเทศไทยจะเข้าสู่ช่วงน้ำลด ตอต่างๆที่จมอยู่ใต้น้ำดูจะผุดโผล่มาให้เห็นความเน่าเหม็นที่ซ่อนเร้นไว้ใต้ความชอบธรรม แทบจะในทุกวงการเลยก็ว่าได้  

ถ้ายังจำกันได้วันที่ 9 สิงหาคม 2557 ลุงตู่ กล่าว เปิดงาน เส้นทางการปฏิรูปประเทศไทย ว่า  

“เด็กสมัยนี้ มันเรียนอะไรนักหนา กลับบ้านยังต้องมานั่งทำการบ้านถึงสี่ทุ่มเที่ยงคืน ให้มันมีเวลาอยู่กับครอบครัวบ้างสิ แล้วอย่างนี้มันจะหาความอบอุ่นในครอบครัวจากไหน กลับมาพ่อมันก็ต้องช่วยทำการบ้าน รุ่งขึ้นมันบอกพ่อเมื่อวานทำผิดหมด เสาร์อาทิตย์ก็ต้องไปเรียนพิเศษ พ่อแม่ก็ต้องหาเงิน เลี้ยงลูกเป็นเทวดาให้เรียนอย่างเดียว วันหยุดเรียนพิเศษ เด็กเรียนหนังสือมีแต่ชีท ไม่มีตำรา.. แล้วคุรุสภาทำอะไร !? พิมพ์หนังสือมาเยอะแยะ” จบประโยคนี้เรียกเสียงปรบเสียงหัวเราะได้ดังไม่แพ้เดี่ยวไมโครโฟนเลยทีเดียว

เป็นพูดตามสไตล์ลุงตู่ ฟังดูเบาๆ คลูๆแต่เรียกเสียงฮาได้ยอดเยี่ยม ในขณะที่หลายหน่วยงานคงจะขำไม่ออก แถมยังจะเหงื่อแตกซิกๆ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา เพราะฟังแล้วมันโดน!!

ปัญหานี้เรื้อรังมานาน แต่ดูเหมือนผู้บริหารการศึกษาจะไม่ปิดหูปิดตา คล้ายไม่ยอมรับความจริง จึงยังไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจังเสียที

ไม่ต้องมองไกลถึงเมืองหลวง หากเราหันมามองในเมืองลำปาง จังหวัดเล็กๆ

นโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนว่าจะถูกยิงเป็นพลุ แตกโป๊ะกลางอากาศแล้วก็จางหายไป นโยบายดีแต่หากยังไม่เปลี่ยนค่านิยมการศึกษาไทยและยังไม่พัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้นักเรียนสามารถตอบโจทย์ชีวิต คาดหวังแต่เพียงคะแนนสอบสูงๆต่อให้ออกนโยบายมาอีกซักเท่าไหร่ เราก็ยังก้าวอยู่กับที่

โรงเรียนดังแห่งหนึ่งของลำปาง นักเรียนบอกว่าครูไม่ค่อยเข้าสอน หนังสือก็ไม่เคยเห็น แจกแต่ชีท และที่เลวร้ายที่สุดคือ ครูใช้ข้อแบบฝึกหัดที่ใช้สอนในที่เรียนพิเศษเป็นข้อสอบปลายภาค!!

ครูบางคนพอเปิดภาคเรียนก็แนะนำตัวเองพร้อมบอกว่าสอนพิเศษ และให้สิทธิพิเศษกับนักเรียนที่ไปเรียนกับตัวเองด้วย นี่คือความจริงที่ผู้ปกครองเองก็รู้ แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะอยากให้ลูกได้เกรดดีๆอย่างน้อยจะได้เป็นส่วนหนึ่งของคะแนนตอนยื่นแอดมิดชัน แต่หากรู้ไม่ว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความหายนะเพราะนักเรียนจะมีพื้นฐานความรู้ที่ไม่แน่นพอเมื่อก้าวไปสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษา

โอ้ละหนอ...การศึกษา นี่แค่ยกเคสที่ลำปาง ที่จังหวัดอื่นก็คงไม่ต่างกัน

ที่แย่ไปกว่านั้นในช่วงที่ผ่านมามีข่าวครูอนุบาลเดินฉีกกระดาษ-ทำร้ายร่างกายเด็ก ซึ่งมีคลิปแชร์กันว่อนเนต แฉพฤติกรรมของครูอนุบาลและครูพี่เลี้ยง เดินฉีกกระดาษระบายสีของเด็กนักเรียน เหตุเพราะเด็กนักเรียนระบายสีไม่ตรงตามโจทย์ รวมทั้งทำร้ายร่างกายเด็กภายในโรงเรียนชื่อดังย่านประชาอุทิศ กรุงเทพฯ ซึ่งล่าสุดทางโรงเรียนมีมติไล่ครูประจำชั้นกับครูพี่เลี้ยงออกแล้ว พร้อมสัญญาจะเพิ่มมาตรการความปลอดภัย

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี สุภาษิตที่ยังใช้ได้ตลอดกาล แต่หากเป็นการตีโดยใช้อารมณ์และทำเกินกว่าเหตุอย่างในกรณีเด็กอนุบาลถูกครูพี่เลี้ยงกระทำการเช่นนี้อาจสร้างรอยแผลและความกลัวใจจิตใจที่การเยียวยาอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนการแก้ปัญหาโดยการไล่ออกในทันที 

เอาเข้าจริงๆแล้วเรื่องการตี การลงโทษเกินกว่าเหตุแบบนี้มีให้เห็นมาหลายต่อหลายครั้ง เป็นข่าวทีก็ปรับปรุงที ผ่านไปซักพักก็เริ่มมีข่าวทำนองนี้อีกครั้ง วนเป็นวงจรที่ไม่จบสิ้นและอย่าถามหาปลายทางของการปฏิรูปการศึกษา เพราะเพียงแค่จุดเริ่มต้นยังเปลี่ยนไปมาเหมือนนักเรียนเป็นหนูทดลองก็ไม่ผิด

ทำอย่างไรให้การศึกษาดี มีครูมีคุณธรรม เอาการศึกษาออกนอกระบบกระทรวงได้เมื่อใด แสงทองผ่องอำไพเมื่อนั้น

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1119 วันที่ 3 - 9 มีนาคม 2560 )
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์