วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

คอสตูม สไตล์ลิส เนรมิตไอเดียเป็นอาภรณ์

จำนวนผู้เข้าชม URL Counter

บ้านไม้ชั้นเดียวบนถนนเจริญประเทศหลังนั้นสะกดสายตาผู้คนด้วยดิสเพลย์ที่ชวนมองยิ่งนักหุ่นโชว์ทั้งสี่สวมใส่เดรสฟูฟ่องลายดอกสีแดงสดสไตล์ย้อนยุคต้องมีหญิงสาวสักคนอดจินตนาการไม่ได้ว่า กำลังเดินทอดน่องอยู่บนชายหาดหัวหินตามนวนิยายสุดคลาสสิกเรื่องปริศนา

แม้ว่า ร้าน Costume Stylist ของ สมยศ กูลระวัง ช่างตัดเสื้อผ้าวัย 50 ปี จะระบุว่ารับตัดทั้งชุดไทย ชุดแฟนซี ชุดแดนเซอร์คอสเพลย์ชุดดรัมเมเยอร์-เชียร์ลีดเดอร์ ชุดไทยล้านนา ชุดผ้าไหม และชุดราตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ชุดสไตล์ย้อนยุคดูเหมือนจะเป็นจุดเด่นของร้านมากที่สุดสมยศบอกว่า ร้านของเขาคือร้านแรกๆ ที่บุกเบิกชุดสไตล์นี้

ย้อนกลับไปราวปี พ.ศ. 2532 ที่จังหวัดภูเก็ต ชายหนุ่มคนหนึ่งตกหลุมรักนักร้องสาว ซึ่งก็เป็นเขาที่ทำหน้าที่คอยไปรับและส่งคืนชุดนักร้อง เห็นฝ่ายหญิงต้องจ่ายค่าชุดหลายพัน บางครั้งนับหมื่น ด้วยความเสียดายเงิน จึงเกิดความคิดว่า ถ้าสามารถออกแบบและตัดเย็บชุดนักร้องเองได้ก็คงดี

ไม่เพียงแค่คิด แต่สมยศที่เพิ่งจบการศึกษาระดับ ปวส. ด้านการตลาดก็ลงทุนไปร่ำเรียนกับสถาบันสอนออกแบบเสื้อผ้าที่ถือเป็นสุดยอดในยุคนั้น โดยไปเรียนตัดชุดราตรีกับช่างที่จบจากแดงส์ดีไซน์ เรียนตัดชุดไทยหลักสูตรของโรงเรียนสอนตัดเสื้อระพี และเรียนตัดชุดกลางวันหลักสูตรของโรงเรียนสอนตัดเสื้อพรศรี หลังเรียนจบก็ลองตัดชุดนักร้องให้แฟนสาวอย่างที่ตั้งใจไว้ ผลปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของนักร้องคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน สมยศจึงได้โอกาสฝึกปรือการออกแบบและตัดเย็บชุดนักร้องตั้งแต่นั้น

 “ชุดนักร้องสมัยนั้นต้องฟู่ฟ่า ปักเลื่อมด้วยมือทั้งชุด ลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือเพื่อนๆ แฟนนั่นแหละครับ” หนุ่มใหญ่ชาวนครศรีธรรมราชเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดีกระทั่งมาถึงยุคที่นักร้องไม่นิยมสวมใส่ชุดสไตล์ฟูฟ่องหรือปักเลื่อมอีกต่อไป แต่กลับชื่นชอบเสื้อสายเดี่ยว กระโปรงสั้นๆ ราคาไม่กี่ร้อยบาท สมยศจึงเบนเข็มไปตัดชุดไทย แต่สุดท้ายก็อิ่มตัวกับการแข่งขันที่ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด จึงหันไปหาชุดดรัมเมเยอร์ ช่วงนี้สมยศเริ่มทำการตลาดด้วยการตัดเย็บชุดดรัมเมเยอร์หลายๆ แบบจากนั้นพับใส่ถุงทะเลหอบหิ้วขึ้นรถทัวร์ไปเสนอขายตามร้านตัดเย็บเสื้อผ้าในจังหวัดตรัง พังงา สุราษฎร์ธานี ฯลฯ แล้วก็ไม่เคยผิดหวัง ร้านต่างๆ รับซื้อ จนกลายมาเป็นลูกค้าประจำที่ส่งออเดอร์ให้กันตลอด

“อยู่ภูเก็ตสักระยะก็มีเหตุพลิกผันให้มาอยู่อยุธยาครับ แต่ด้วยความที่ใกล้กรุงเทพฯ เราจึงโดนกดราคา ร้านที่อยุธยาเขาเช็คราคากับทางกรุงเทพฯ ตลอด ของเราตัดเย็บขายราคานี้ ถ้าทางกรุงเทพฯ ให้ถูกกว่า เราก็ขายไม่ได้ ผมจึงเริ่มมองหาจังหวัดอื่น จริงๆอยากไปอุตรดิตถ์นะ แต่ผมว่ามันเงียบไป เชียงใหม่ก็เมืองใหญ่เกิน การแข่งขันสูงแน่ๆ เลยมาลงที่ลำปาง”

ปี พ.ศ. 2558 สมยศหอบชุดสไตล์ย้อนยุคขึ้นรถไฟมาลงลำปาง นำชุดไปเสนอขายร้านตัดเย็บเสื้อผ้าหลายร้าน

“เจ้าของร้านเขาถามผมว่า ชุดพวกนี้เอาไปทำอะไรหรือ” สมยศหัวเราะเสียงดังตามประสาคนใต้ “ผมคิดในใจเลยนะว่า นี่เราคงมาผิดที่เสียแล้วกระมัง” ทว่าในที่สุดชุดสไตล์ย้อนยุคของสมยศก็มีคนซื้อ นั่นทำให้เขาตัดสินใจกลับไปอยุธยา เพื่อเก็บข้าวของแล้วย้ายมาอยู่เมืองลำปางทันที

“ของผมไม่มีอะไรมากหรอกครับ มีแค่จักรซิงเกอร์ตัวนี้ ซึ่งเป็นตัวที่สามในชีวิต ถุงทะเลใส่เสื้อผ้า แล้วก็เงินอีกสองสามหมื่น”

ปีแรกที่มาถึงสมยศวิ่งหาออเดอร์จากร้านตัดเย็บเสื้อผ้าต่างๆ รวมถึงเวดดิงสตูดิโอ ขณะเดียวกันลูกค้าเก่าๆ ที่เคยอุดหนุนกันมาก็ไม่ได้ละทิ้ง ทว่าหลังเจอปัญหารุมเร้า สมยศตัดสินใจเปิดหน้าร้าน เลิกตัดส่งร้านอื่นๆ แต่หันมารับงานเอง ออกแบบ ตัดเย็บ ขายเอง ทำคนเดียวทั้งหมด งานหลักคือรับตัดชุดให้งานกีฬาสีโรงเรียนในเมืองลำปาง ซึ่งแต่ละปีมีเงินสะพัดนับสิบล้านบาทรวมไปถึงการออกแบบ-ตัดเย็บตามธีมงานเลี้ยงขององค์กรต่างๆ

“ช่วงกีฬาสีโรงเรียนนี่ ผมปิดรับออเดอร์จากที่อื่นทั้งหมดเลยครับ งานกีฬาสีเป็นอะไรที่อลังการมาก” สมยศเล่า “นอกเหนือจากนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นธีมงานเลี้ยงองค์กร งานเกษียณ ซึ่งลูกค้ามีธีมการแต่งตัวในใจอยู่แล้ว เขาเข้ามาในร้านพร้อมตัวอย่างชุดที่ปรินต์มาเลย บอกจะเอาแบบนี้เป๊ะๆ ก็ได้ครับ ผมทำให้ได้หมดภายใต้งบที่คุณมี อันนี้สำคัญ” สมยศพูดพลางยิ้ม “จริงๆ ผมเป็นคนใจอ่อนหรอกครับ เจอลูกค้าอ้อนหน่อยก็ทำให้หมดล่ะ มีงบเท่าไร ผมก็ทำเต็มที่”

ร้านของสมยศให้บริการตัดเช่า คือ วัดตัวตัดตามผู้สั่ง หลังจากสวมใส่เสร็จแล้วก็ต้องนำมาคืน สมยศจะส่งซัก-รีด จากนั้นลงขายออนไลน์เป็นชุดมือสอง  ลูกค้าที่รอคอยชุดมือสองของเขามีทั้งที่เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก นครสวรรค์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด และระยอง

ทั้งนี้ หลังรับออเดอร์จากลูกค้าชาวลำปาง สมยศจะเริ่มตระเวนหาผ้า หากต้องตัดหลายชุด เขาจะขึ้นรถไฟตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปหาผ้าที่เชียงใหม่ ซึ่งมีให้เลือกมากกว่าและราคาถูกกว่าร้านในลำปาง ขณะเดียวกันก็จะสื่อสารกับลูกค้าทางไลน์ว่า ผ้าแบบนี้ตรงตามต้องการหรือยัง หากภารกิจลุล่วง สมยศจะกลับมาถึงบ้านเย็นๆ รุ่งขึ้นก็ลงมือสร้างแพทเทิร์นและตัดเย็บทันที ทุกชุดตัดเย็บอย่างประณีต จึงเก็บไว้สวมใส่ได้อย่างคงทน เน้นความเรียบหรู แต่ดูดีมีระดับ โดยเฉพาะชุดสไตล์ย้อนยุคใครๆ ก็ชื่นชอบหากเป็นสไตล์นี้ หลายคนมักนึกถึงร้านคอสตูม สไตล์ลิสก่อนเป็นอันดับแรก

“ตั้งโชว์ชุดหน้าร้านไม่กี่วันก็โดนก็อปปีครับ ผมจำได้หมดว่าใครเอาแบบของผมไปบ้าง แต่ต่อให้ก็อปฯ ไปอย่างไรแพทเทิร์นก็ไม่เหมือนกันหรอกครับ ลูกค้าจะรู้ว่า ใส่ของผมแล้วเป๊ะ ไม่มีขาด ไม่มีเกิน” ด้วยประสบการณ์ สมยศรับมือกับปัญหาการก็อปปีงานด้วยฝีมือล้วนๆ ซึ่งสิ่งนี้มัดใจลูกค้าได้

เราอยากรู้สถานการณ์ที่ยากสำหรับเขา สมยศบอกว่า การตัดชุดให้คนอ้วนคือสิ่งที่เขากังวลทุกครั้ง

“เราต้องทำให้เขาดูดีที่สุด ผมจะบอกลูกค้าเลยว่า ผมไม่สามารถทำให้คุณดูผอมได้ แต่ผมมีวิธีที่จะทำให้คุณดูดี ดูรวมๆ แล้วสะอาดตา” สมยศเสริมว่า เขาจะอำพรางจุดด้อย ขณะเดียวกันก็จะดึงจุดเด่นในเรือนร่างของลูกค้าออกมา ภายใต้ข้อแม้ว่า ต้องอดทนกับความอึดอัดสักหน่อย ซึ่งลูกค้าก็ยอมแต่โดยดี

“ผมมองว่า คนลำปางแต่งตัวเก่งนะครับ และดูเหมือนว่าจะรักสุขภาพ เพราะผมเห็นคนสูงอายุหลายคน หุ่นยังสมส่วนดูดีกันอยู่เลย แต่คนลำปางชอบจ่ายน้อยๆ” เขาหัวเราะ

ชุดของร้านคอสตูม สไตล์ลิส เริ่มต้นที่ราคา 800-2,800 บาท สมยศเปิดแบบเสื้อผ้าให้เราดู แต่ละชุดสวยงามอลังการ มีทั้งชุดเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์ชุดสไตล์ย้อนยุค ชุดหญิง-ชายชาวโรมันคอสเพลย์สไตล์ญี่ปุ่น และไม่ว่าในมือของคุณจะถือแบบชุดมาจากไหน หลุดโลก เกินจินตนาการ เราเชื่อว่า ผู้ชายคนนี้เนรมิตให้เป็นจริงได้ โดยที่คุณยังดูดีเสมอ

ร้าน Costume Stylist โทรศัพท์ 09-5918-9144
  
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1126 วันที่ 28 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์