วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

ไม่มีประวัติศาสตร์รถม้ารถไฟ

จำนวนผู้เข้าชม http://www.hitwebcounter.com/

ากไม่บอกว่า นี่คืองานรถม้ารถไฟลำปาง งานประเพณีสำคัญที่อวดความเป็นเมืองเล็กๆน่ารัก ที่มีประวัติศาสตร์อันควรภาคภูมิใจ ก็แทบจะเรียกได้ว่านี่คืองานวัดธรรมดาๆนี่เอง หรือถ้ายกระดับให้ดูดี มีชาติตระกูลสักเล็กน้อย ก็เทียบเท่างานฤดูหนาว ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของเมืองนี้

เพราะในขณะที่นิทรรศการ ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของงานรถม้ารถไฟ ถูกซุกไว้ในที่แคบๆ แต่คาราวานสินค้า ทั้งขนมเบื้อง น้ำหวานสีสดใส เสื้อผ้านานาพรรณ เครื่องประดับ ของใช้เบ็ดเตล็ดราคาเดียว ผุดพราวราวดอกเห็ดในฤดูฝน เดินเล่นได้เพลิดเพลิน แต่หาคุณค่าให้สมราคาความเป็นงานรถม้ารถไฟลำปางไม่ได้

มีม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ สัญลักษณ์ความเป็นงานวัดอย่างโดดเด่น

นี่ควรตั้งคำถามว่า แม่งานใหญ่คือจังหวัด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  กระนั้นหรือ

มีฝีมือจัดงานสำคัญได้เพียงนี้หรือ

แล้วสุวัฒน์ พรหมสุวรรณ พ่อเมือง ที่เคยขึ้นชื่อลือชาสมัยเป็นพ่อเมืองน่าน มิได้คิดอ่านให้การจัดงานนี้สมราคาและทำให้คนจดจำสุวัฒน์ พรหมสุวรรณ ในฐานะพ่อเมืองลำปางอีกสถานะหนึ่งหรือ

สืบค้นจากเว็บไซต์ของปศุสัตว์ลำปาง ก็ได้เห็นพัฒนาการของรถม้า และรถไฟที่หากคนจัดเข้าถึงรากเหง้าและเข้าใจประวัติศาสตร์มากกว่าการคิดเอางานทำมาหากินให้คาราวานสินค้ายึดพื้นที่จัดงานเทศกาลขายของความเป็นประวัติศาสตร์รถม้ารถไฟก็จะเด่นชัดและเป็น แลนด์มาร์คสำคัญที่ถนนทุกสายจะมุ่งมาสู่

เมื่อ ปี 2458 สมัยของเจ้าบุญวาทย์มานิตตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 รถ ม้าคันแรกได้ถูกซื้อมาจากกรุงเทพฯ เนื่องจากสมัยก่อนรถม้าจะนิยมใช้อยู่ในกรุงเทพฯ ในหมู่ของเจ้าขุนมูลนาย และใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก

นอกจากนั้นยังได้กระจายไปสู่เมืองหลักของภาคต่างๆ ได้แก่ นครราชสีมาของภาคอีสาน นครศรีธรรมราชของภาคใต้ นครเชียงใหม่ เมืองเชียงราย เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองแม่ฮ่องสอนของภาคเหนือ แต่ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏผู้ประกอบการรถม้าในเมืองทั้งหมดนั้นจึงเลิกกิจการไป เหลือเพียงแต่ที่ลำปาง

ในเดือน เมษายน พ.ศ. 2459 หรือวันปีใหม่ไทย ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ในครั้งนั้นมีรถม้าที่เรียกกันว่ารถม้าแท็กซี่คอยรับผู้โดยสารจากสถานีรถไฟเข้าสู่ตัวเมืองนครลำปางแล้ว

ในปี พ.ศ. 2464 เมื่อขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟนครลำปาง และพัฒนาด้วยการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลผ่านภูเขาไปถึงนครเชียงใหม่ จนกระทั่ง ปีพ.ศ. 2492 กิจการรถม้าได้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาได้ 34 ปี จึงได้มีผู้ก่อตั้งสมาคมล้อเลื่อนจังหวัดลำปางขึ้น โดยขุนอุทานคดี เป็นผู้ริเริ่มและยังดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนแรกที่ได้ร่างกฎระเบียบว่า ด้วยสมาคมขึ้น  

ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง เข้ามาบริหารงานและได้เปลี่ยนชื่อสมาคมเป็นสมาคมรถม้าจังหวัดลำปาง (THE HORSE CARRIAGE IN LAMPAMG PROVINCE) และได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมคนที่สอง รถม้าลำปางได้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปี พ.ศ.2500 รถม้าของจังหวัดลำปางมีถึง 185 คัน ซึ่งถือได้ว่ามีมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสมาคมรถม้าขึ้น รถม้าในจังหวัดลำปาง เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Queen Victoria จะ มีล้อ 4 ล้อ เบาะหลังเป็นเก๋ง เป็นเบาะใหญ่ นั่งได้ 2 คน และม้านั่งเสริม สามารถนั่งได้อีก 2 คน รวมแล้วรถม้าคันหนึ่ง ถ้าเป็นคนไทย หรือตัวไม่ใหญ่มาก นั่งได้ 4 คน ปกติแล้ว รถม้ารับฝรั่ง จะนั่งเพียง 2 คน

ปี พ.ศ. 2501 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้มอบเงินให้แก่เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง และได้ขอรับรถม้าเข้าไว้ในความอุปถัมภ์ให้รัฐบาลช่วยเหลือสมาคมรถม้าและตั้ง กองทุนให้สมาคมรถม้าอีก 1 กองทุน

20 เมษายน พ.ศ.2507 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระเจ้าลูกยาเธอได้เสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดลำปาง ในโอกาสนั้น เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง นายกสมาคม ได้น้อมเกล้าฯ ถวายรถม้าแบบ 2 ล้อ พร้อมด้วยม้าเทียมรถชื่อบัลลังก์เพชรแด่พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวิชราลงกรณ์ ในนามของเจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง และสมาคมรถม้า ซึ่งชาวรถม้าถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

หากลึกซึ้งเรื่องประวัติศาสตร์รถม้ารถไฟลำปาง ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจของคนลำปางทั้งระบบ หากเมื่อคราวที่เจ้าบุญส่ง ณ ลำปาง น้อมเกล้าถวายรถม้า “บัลลังค์เพชร” แด่พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ก็ควรค่าแก่การบันทึกไว้ และทำให้งานปีนี้ ทรงคุณค่า เป็นที่จดจำของคนไทยทั้งประเทศด้วย

น่าเสียดายที่วิสัยทัศน์ของคนจัดงาน คิดได้แค่งานขายของเท่านั้น

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ 1124 วันที่ 7-20 เมษายน 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์