วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

หยุดตีทะเบียนสื่อ หยุดครอบงำประชาชน

จำนวนผู้เข้าชม Hit Web Stats

งค์กรวิชาชีพสื่อ ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อทั่วประเทศ รวมตัวกันครั้งใหญ่ ในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกปีนี้ (วันที่ 3 พฤษภาคม) ที่สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยมีทูต และตัวแทนประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สวีเดน ออสเตรีย ฟินแลนด์ เข้าร่วมสังเกตุการณ์การต่อสู้เพื่อเสรีภาพครั้งสำคัญของสื่อไทย

พวกเขามารวมตัวกัน เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งมีเนื้อหาในการควบคุมเสรีภาพในการรายงานข่าว การแสดงความคิดเห็นของสื่อและประชาชน อันขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการรับรองสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสื่อและประชาชน อีกทั้งดัชนีชี้วัดการพัฒนาสื่อขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)

นับเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ของสื่อมวลชนไทย หลังจากยุคการต่อสู้เพื่อให้ยกเลิกกฎหมายลิดรอนเสรีภาพสื่อ คือ ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 42 (ป.ร.42)   ในสมัยของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

“หยุดตีทะเบียนสื่อ หยุดครอบงำประชาชน” อันมาจากเนื้อหาของร่างกฎหมายฉบับนี้ คือการประกาศถ้อยคำที่เป็นหมุดหมายสำคัญในวาระวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกวันนี้ความหมายของถ้อยคำคือการตอกย้ำการที่รัฐกำหนดให้สภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติซึ่งมีตัวแทนรัฐอยู่ 2 ตำแหน่ง  ตามกฎหมายฉบับนี้ มีอำนาจรับขึ้นทะเบียน ออกและเพิกถอนใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน

สื่อมวลชนที่ไม่มีใบอนุญาต องค์กรสื่อที่รับสื่อมวลชนที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน จะต้องรับโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถึงแม้ว่า กรรมาธิการจะยอมถอยในที่สุด ตัดอำนาจออกและเพิกถอนใบอนุญาต ยกเลิกกำหนดโทษจำคุกสื่อมวลชนที่ไม่มีใบอนุญาต กับองค์กรสื่อที่รับผู้ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน แต่ก็ยังมีความพยายาม ออกใบรับรอง ซึ่งอาจเชื่อมโยงถึงอำนาจของกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติได้

ในขณะที่ตัวแทนรัฐยังอยู่ในคณะกรรมการ และคำนิยาม ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งขยายปริมณฑลไปไกลกว่าสื่อวิชาชีพยังคงอยู่

นี่คือภาวะถดถอยของเสรีภาพในยุครัฐบาลทหาร ที่จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเชื่อถือในประเทศไทย ตลอดไปจนถึงผลกระทบทางด้านการเมือง สังคม การลงทุนและเศรษฐกิจ

องค์กรสื่อไร้พรมแดน ได้จัดอันดับเสรีภาพสื่อโลกปี 2017 พบว่า เสรีภาพสื่อไทยร่วงลงไป 6 อันดับ อยู่อันดับที่ 142  ได้คะแนน 49.49 คะแนน อยู่ในกลุ่มสีแดง หรือยังอยู่ในสถานการณ์สื่อที่ยากลำบากต่อไป

ก่อนหน้านี้ ผลการสำรวจของฟรีดอม เฮ้าส์ สหรัฐ ปี 2016 ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ ไม่มีเสรีภาพอันดับที่ 168 จาก 190 ประเทศและเป็นอันดับที่ 8 ของกลุ่มประเทศอาเซียน

การอยู่ในภาวะที่เสรีภาพสื่อถูกจำกัด หรือไม่มีเสรีภาพนี้หากมิใช่ประเทศสังคมนิยมแล้วก็คงมีประเทศที่ปกครองโดยผู้นำแบบอำนาจนิยมเท่านั้น ซึ่งโดยหลักการลักษณะเฉพาะของผู้นำแบบอำนาจนิยมคือความพยายามกำจัดศัตรูทางการเมืองหรือกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามทุกวิถีทาง

ผู้นำแบบอำนาจนิยมจะไม่ยอมให้มีกลุ่มคิดทางการเมืองที่แตกต่าง มีการจำกัดเสรีภาพของประชาชนเห็นประชาชนอยู่ในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตนเองและสุดท้ายคือมีการควบคุมสื่อสารมวลชน หรือช่องทางสาร เสนอข้อมูลข่าวสารด้านเดียว เสนอข้อมูล ข่าวสาร และทัศนคติของตัวเองซ้ำๆโดยยึดถือว่าแนวทางเช่นนี้เท่านั้นที่ถูกต้อง ซึ่งขัดกับหลักประกันเสรีภาพที่จะต้องเสนอข่าวอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และรอบด้าน

ดัชนีชี้วัดความตกต่ำของเสรีภาพสื่อไทย ไม่เพียงอันดับขององค์กรสื่อไร้พรมแดน ผลสำรวจของฟรีดอมเฮ้าส์ของสหรัฐเท่านั้น แต่ร่างกฎหมายคุมสื่อล่าสุดของรัฐไทย ยังชี้วัดถึงการพัฒนาที่ถดถอยของสื่อไทย อันขัดกับหลักเกณฑ์ของยูเนสโกด้วย

การกำหนดข้อจำกัดทางกฎหมายที่ไม่จำเป็น บทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดว่าใครจะทำงานด้านสื่อมวลชนได้หรือไม่ได้ หรือกำหนดให้นักข่าวต้องขอใบอนุญาตหรือลงทะเบียน เป็นตัวชี้วัดหลักการพัฒนาของสื่อ ของยูเนสโก ซึ่งหากพิจารณาประกอบกับร่างกฎหมายคุมสื่อฉบับนี้ เป็นการพัฒนาที่ถอยหลังลงคลอง มากกว่าก้าวไปข้างหน้า 

แน่นอนว่าสื่อไทยไม่อาจยืนยันเสรีภาพเต็มร้อยในสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเสรีภาพที่มีความระมัดระวังมีความพยายามที่จะนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้อง รอบด้านพอสมควรแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเป็นด้านที่ตรงกันข้ามกับความคิดทัศนคติของผู้มีอำนาจอยู่เสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการมีเสรีภาพอยู่ภายใต้แนวคิดแบบอำนาจนิยม

การเคลื่อนไหวต่อสู้ คัดค้าน กฎหมายคุมสื่อ ภายใต้สโลแกน “หยุดตีทะเบียนสื่อ หยุดครอบงำประชาชน” ครั้งนี้ แม้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของกฎหมายเผด็จการได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ได้แสดงให้เห็นว่าเสรีภาพนั้น คือหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องหวงแหน และต่อสู้เพื่อเสรีภาพจนถึงที่สุด

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1127 วันที่ 5 -11 พฤษภาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์