วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

ค.3 ผ่านวิกฤติ ฟองสบู่

จำนวนผู้เข้าชม Home Remedies For Wrinkles
มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ ก่อนหน้านี้ว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ในการทบทวนร่างรายงาน EHIA หรือ ค.3โครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 จะตกม้าตายเสียก่อนที่จะได้พูดจากัน

ลานนาโพสต์ ฉบับที่ตีพิมพ์และวางจำหน่ายก่อน ค.3 เพียง 1 วัน จึงพาดหัวชนิดพยากรณ์ชะตาชีวิตของ ค.3 ว่า ค.3 ฝ่าวิกฤติ เรียกประสาคนทำหนังสือพิมพ์ว่า “แทงกั๊ก” แปลว่า ค.3 จะรอด หรือจะร่วง ก็ยังพออธิบายได้ ดีกว่าพาดหัวข่าวแบบฟันธง หรือเลี่ยงไปเสนอข่าวอื่น เนื่องเพราะประเด็นไม่ชัดเจน

ตอนที่ “ม้าสีหมอก” ทำหนังสือพิมพ์อยู่ที่เมืองกรุงนั้น เวลาต้องเสนอข่าวที่ประเด็นไม่ชัดเจน หรือต้องตีพิมพ์ก่อนวันที่ข่าวนั้นจะเกิด เรามักใช้เครื่องหมายคำถาม ต่อท้ายหัวข่าว เปิดทางถอยไว้สำหรับหนังสือพิมพ์ หากข่าวนั้นไม่เป็นไปตามที่พาดหัวไว้ล่วงหน้า

แต่สำหรับข่าว ค.3 เมื่อมีกลุ่มคน กลุ่มหนึ่งรวมตัวมาคัดค้าน ค.3 ให้สัมภาษณ์ และยื่นหนังสือให้ผู้ว่าราชการจังหวัด “ม้าสีหมอก” ก็กลับมามั่นใจว่า ค.3 โลดแล่นแน่นอน เพราะเหตุผลในการคัดค้านเลื่อนลอย ไม่ตรงประเด็น ร้ายกว่านั้น คือเหตุผลหลักในการคัดค้านคือเงินและผลประโยชน์ที่เคยมี เคยได้เท่านั้น

เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง มากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม

ทั้งที่การชะลอความช่วยเหลือจาก กฟผ.มาจาก เหตุผล กระบวนการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินกองทุน ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังไม่สิ้นสุด

การไหวเคลื่อน เรียกร้อง และให้เหตุผลในการคัดค้านที่มีน้ำหนักบางเบาอย่างยิ่งนี้ อาจเรียกว่า นี่เป็นการคัดค้านที่มีราคาเพียง “ฟองสบู่” ล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย และอาจแสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งว่า The man Behind ซึ่งว่ากันว่าเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ อ่อนด้อยประสบการณ์อย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันก็คล้ายดูแคลน สติปัญญาของคนท้องถิ่น ที่เขาแยกแยะได้ เข้าใจเหตุผลได้ ว่า ถึงแม้กฟผ.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อาจมีภาพลบในใจของคนจนกลายเป็น “หมู่บ้านกระสุนตก” แต่มิใช่ว่าทุกเรื่อง กฟผ.จะผิดหมด การพัฒนาและขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า ซึ่งพวกเขาต้องทำควบคู่ไปกับการให้หลักประกันเรื่องสิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน เป็นเรื่องไม่ง่าย จะต้องฟังเหตุผลกัน และคิดถึงคนส่วนใหญ่ ไม่เห็นแก่ตัว

การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้น จะต้องอยู่ในหลักของข้อเท็จจริง ถูกต้อง ครบถ้วน และรอบด้าน สื่อมวลชนหาใช่ผู้พิพากษา หรือพหูสูต ที่จะรู้ไปทุกเรื่อง เข้าใจไปทุกสิ่ง เช้าขึ้นมาก็ขึ้น ธรรมาสน์ เทศนาสั่งสอนผู้คน ชี้ถูก ชี้ผิด ดีที่สุดก็คือสะท้อนปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเที่ยงตรง ด้วยใจที่ไม่ลำเอียง

และเมื่อตั้งตนเป็นผู้วิพากษ์สังคม ก็ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์เช่นเดียวกัน

นอกจากนั้น บทเรียนที่ได้รับจากการคัดค้านแบบฟองสบู่ครั้งนี้ คือภาพของสังคมที่ยังอิงแอบอยู่กับระบบอุปถัมภ์ ความเชื่อและภักดีต่อความเป็นเจ้าขุนมูลนาย ความเชื่อในชนชั้นข้าราชการที่ต้องมั่นคง เชื่อถือได้ มีเหตุผล ไม่เลอะเทอะให้ชาวบ้านเขาติฉินได้

ค.3 ผ่านไปแล้วอย่างราบรื่น ผ่านการคัดค้านชนิดหัวชนฝา เอาเสียง เอาพวกมากเป็นหลัก เหมือนย้อนยุคไปอย่างน้อย 40 ปี เท่าอายุการทำงานของ “ม้าสีหมอก” ยุคที่ผู้คนรวมตัวกันมาคัดค้านทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องราคาน้ำมัน ค่าโดยสารรถเมล์ และอื่นๆอีกมากมาย เพียงให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้คัดค้าน

แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว คนฉลาดขึ้น คนลำปางรู้เท่าทันคนมากขึ้น ดังนั้น คนที่ยังหลงอดีต คิดแต่ว่าคนจะตามแห่ จะตามเห่อ เรื่องไร้สาระที่ทำจนติดเป็นนิสัย เพียงแต่มีสถานะทางสังคมชั่วคราว คงเป็นเรื่องที่น่าเวทนายิ่งกว่า

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1148 วันที่ 29 กันยายน - 5 ตุลาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์