วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

‘สรยุทธ’ สูงสุดสู่สามัญ

จำนวนผู้เข้าชม IP Address

นวันที่กราฟชีวิตพุ่งสูงสุด แม้เอ่ยคำว่า “ครับ” คำเดียว ก็อาจเป็นเงินเป็นทอง เป็นรายได้ที่มากกว่านักข่าวทำงานทั้งปี  เงินทองที่ได้มา รายได้ของบริษัทๆบริษัทเดียว มากกว่ารายได้ของกลุ่มบริษัทที่เขาออกมาหลายเท่า ในวันนั้นเขาคือกรรมกรข่าวที่มีรายได้สูงสุด เป็นสื่อที่มีคนรู้จักและกล่าวขวัญถึงมากที่สุด และน่าจะมีชีวิตสุขสบายมากกว่าสื่อคนใดในประเทศนี้

แต่ในวันที่ชีวิตตกต่ำ ต้องคดีอาญา อาจต้องติดคุกนานนับสิบปี  ถ้าคดีไม่สามารถฏีกาได้ ประกันตัวไม่ได้  เงินทองทรัพย์สินที่หามาได้ ที่สะสมไว้ ช่วยอะไรไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยสถานะวันนี้ของสรยุทธ สุทัศนะจินดา ก็พิสูจน์ความเป็นสรยุทธ ในบางด้านที่น่ายกย่องยินดี

คำของเขาที่บอกผ่าน เฟสบุ๊ค ของผู้ที่ใช้นามว่า Amy Benjawan Somsin  นับว่าน่าสนใจ

“..อยู่ในเรือนจำ ยังมีจุดสิ้นสุด อยู่ในนี้ลำบาก แต่ต้องค่อยๆปรับตัว พี่ได้คิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถ้าต้องไปถึงจุดนั้น พี่ก็ต้องอยู่ให้ได้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ไม่ต้องห่วง พี่อยู่ได้”

หากยกเว้นเรื่องของคดีความ ใครผิด ใครถูก ใครเลว ใครดี ในความเป็นลูกผู้ชาย ต้องนับว่าสรยุทธ เป็นคนจริง ที่ยืดอกต่อสู้คดีนี้ด้วยความองอาจ แม้ท้ายที่สุดเขาอาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้ ผิดกับสื่อเบอร์ใหญ่บางคนที่ต้องคดีที่ตัวเองทำโดยเจตนา แต่ใช้วิธีใต้ดินทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด

นี่จึงเรียกว่า สถานการณ์พิสูจน์ความจริง พิสูจน์คนจริง

เพื่อนแท้เห็นกันในยามยาก เราจึงเห็นคนบางคนที่ให้กำลังใจกัน ปลอบขวัญกัน แม้จะไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ แต่ก็มีอีกหลายคนใช้โอกาสนี้เหยียบย่ำซ้ำเติม ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา

หากมองกันในความเป็นมนุษย์ เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ยามนี้ “จอกอ” เห็นใจ และเข้าใจความทุกข์ทรมาน ของคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ต้องถูกจองจำ สิ้นอิสรภาพตามคำพิพากษาอย่างที่สุด

และพวกเราหลายคนที่ทำงานร่วมกัน ในวงการเดียวกัน คงไม่ปรารถนาที่จะเห็นคุณสรยุทธ์ ตกอยู่ในชะตากรรมเช่นนั้น และหวังว่าอีกไม่ช้านาน ศาลฏีกาคงจะพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว หรือพิจารณารับฎีกา เพื่อให้คุณสรยุทธได้พิสูจน์ความจริงอีกครั้งในชั้นศาลฏีกา

ย้อนไปเมื่อวันวาน คุณสรยุทธทำงานชั้น 6  “จอกอ” ทำงานชั้น 5 กดลิฟท์กลับบ้านหลังเที่ยงคืน จะพบเขาอยู่เสมอ ทักทายกันคำสองคำ เอาสาระไม่ได้ เมื่อคุณสรยุทธ์ เลือกเดินทางสายใหม่ มีชื่อมีเสียง มีเงินมีทอง มีคนนับหน้าถือตา ก็พลอยยินดี ไปกับเขา

นั่นก็เป็นประเด็นความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่สมควรต้องเอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจกัน และไม่เหยียบย่ำซ้ำเติมเพื่อนเมื่อยามเพลี่ยงพล้ำ

แต่ในแง่หลักการ ก็ต้องพูดกันให้ชัดว่า กรณีของคุณสรยุทธนั้น อาจเป็นปรากฏการณ์ร่วมในวงการสื่อมวลชน คือบทบาทของความเป็นเจ้าของสื่อ และสื่อที่ขัดแย้งกัน หรือนัยหนึ่งคือผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นกรณีศึกษาทางด้านวารสารศาสตร์ที่น่าสนใจ

สื่อตั้งข้อรังเกียจ และวิพากษ์วิจารณ์นักการเมือง หรือคนที่แอบอิงอำนาจการเมือง ไปกอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวหนักหน่วง แต่แล้วสื่อมวลชนนั่นเอง กลับเป็นผู้ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่แตกต่างไปจากนักการเมือง

ในแวดวงการเมือง คำว่าผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ Conflict of interest มีกรณีตัวอย่างที่ชัดเจน และเป็นที่เข้าใจร่วมกันว่า คือการที่นักการเมืองใช้อำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน หรือหมู่คณะ การได้มาซึ่งผลประโยชน์นั้น อาจมีความซับซ้อนมากกว่าการคอรัปชั่น คือการได้มาโดยผ่านนโยบายสาธารณะ หรือกฏเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดขึ้น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการคอรัปชั่นเชิงนโยบาย

แต่ในแวดวงสื่อมวลชน การได้มาซึ่งเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ ไม่ได้กระทำผ่านอำนาจทางการเมือง แต่ทำผ่าน อำนาจทางการสื่อสารซึ่งในบางครั้งมีอำนาจเหนืออำนาจการเมืองเสียอีก อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้คือเมล็ดพันธุ์อันชั่วร้าย คือการละเมิดหลักการทำงาน สุจริต ตรงไปตรงมา และไม่ใช้ความเป็นอภิสิทธ์ชน เช่นเดียวกับที่สื่อไปชี้หน้าด่าคนอื่นๆ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1144 วันที่ 1 - 7 กันยายน 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์