“พระองค์ได้เล็งเห็นความสำคัญของพลังงานอย่างมาก
จึงได้เสด็จมาในพื้นที่ด้วยพระองค์เอง
จะสังเกตได้ว่าสถานที่ของโรงไฟฟ้าทั้งหลายทั้งปวง
จะพระราชทานเป็นชื่อของพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์” บรรพต
ธีระวาส (มีคลิป)
“พูดไม่ออก
เรานั่งร้องไห้ ถ้าพูดถึงพระองค์ท่าน จะกี่ปีก็ยังรู้สึกเช่นนี้”
กิตติกิจ
เศวตเศรนี
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
แม่เมาะ (กฟผ.แม่เมาะ) ถือกำเนิดเมื่อปี ๒๔๖๔ – ๒๔๖๖ มีการว่าจ้างชาวฝรั่งเศสและชาวอเมริกันสำรวจหาเชื้อเพลิงอย่างอื่นนำมาใช้แทนฟืนสำหรับหัวรถจักรไอน้ำของรถไฟ
ผลการสำรวจพบว่ามีถ่านหินลิกไนต์ที่บริเวณแม่เมาะ จ.ลำปาง และที่คลองขนาน จ.กระบี่
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
๒๔๗๐ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้สงวนแหล่งถ่านหินที่มีอยู่ในประเทศไว้
เพื่อให้ทางราชการเท่านั้นเป็นผู้ดำเนินการ
และห้ามมิให้ประทานบัตรการทำเหมืองแก่เอกชนอื่นใดอีกและได้เริ่มเปิดเหมืองแม่เมาะในปี
๒๔๙๗ ส่งลิกไนต์ไปยังหลายจังหวัด
ต่อมาเมื่อวันที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๑๕ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าลิกไนต์แม่เมาะจำนวน
๓ หน่วย ขนาดหน่วยละ ๗๕,๐๐๐ กิโลวัตต์ พร้อมกับงานขยายเหมืองแม่เมาะ
เพื่อเพิ่มกำลังผลิตจากที่เคยผลิตได้วันละแสนกว่าตันเป็นล้านตัน
ต่อมาวันที่ ๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่๙ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงเปิดโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำแม่เมาะ หน่วยที่ ๔ และ๕
พร้อมทอดพระเนตรห้องควบคุมการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ
การติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องกังหันไอน้ำ และงานก่อสร้างอาคารหม้อน้ำ ชั้น
๘ ทอดพระเนตรลานกองถ่านหินลิกไนต์ บริเวณที่ขุดถ่านหินลิกไนต์
บริเวณลานกองถ่านหินลิกไนต์ บริเวณลานโปรยดิน และกิจกรรมต่างๆ บริเวณเหมืองแม่เมาะ ซึ่งในครั้งนั้นสร้างความปลาบปลื้มปิติให้กับชาว
กฟผ.แม่เมาะ และราษฎรชาวแม่เมาะที่รอรับเสด็จเป็นอันมาก
บรรพต
ธีระวาส ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ บอกว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เนื่องจากล้นเกล้า รัชกาลที่ ๗ มีพระบรมราชโองการสงวนแหล่งถ่านหินที่แม่เมาะ
ตั้งแต่ปี ๒๔๗๐ สายพระเนตรพระองค์ยาวไกลมา ได้มองเห็นเรื่องพลังงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชาติ
ต่อมาเป็นล้นเกล้า
รัชกาลที่ ๙ พระองค์เสด็จมาสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่ ๑๔ มี.ค.๒๕๐๑ ตั้งแต่เป็นเหมืองลิกไนต์
ส่งถ่านหินไปใช้ที่กรุงเทพฯ และครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๒๕๒๘ รัฐพิธีเปิดโรงไฟฟ้าหน่วยที่ ๔ และ ๕ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง พระองค์ได้เล็งเห็นความสำคัญของพลังงานอย่างมาก
จึงได้เสด็จมาในพื้นที่ด้วยพระองค์เอง
และจะสังเกตได้ว่าสถานที่ของโรงไฟฟ้าทั้งหลายจะเป็นชื่อของพระบรมวงศานุวงศ์เกือบทุกพระองค์
ครั้งที่พระองค์เสด็จ เขาทำงานเป็นพนักงานคนหนึ่ง
ได้ร่วมรับเสด็จอยู่ด้วย
“ รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต
จำได้ว่าเป็นบรรยากาศในวันนั้นทุกคนมีความสุขมาก ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ ได้ระลึกถึงพระองค์ทุกปี
โดยการจัดวันครบรอบรัฐพิธีในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ของทุกปี”
เจด็จ
ทองปัญญา วิศวกร ระดับ ๘ หัวหน้าแผนกประสิทธิภาพ๑
ฝ่ายการผลิตโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งเคยรับเสด็จอยู่ใกล้ชิดในหลวง
รัชกาลที่๙ เล่าถึงช่วงเวลาแห่งความทรงจำว่า ได้รับการคัดเลือกจากหัวหน้าให้มาประจำการที่ห้องควบคุม
เพราะเคยอยู่หน้าบอร์ดมาแล้ว ๔ ปี โดยทราบล่วงหน้าก่อนเพียง ๒
วันว่าจะได้มาทำหน้าที่นี้
“ในตอนนั้นนอนไม่หลับเลย กลัวจะทำผิดพลาด พอถึงช่วงเวลาที่ในหลวงรัชกาลที่๙จะเสด็จมาถึง
ก็จะได้ยินเสียงจากทางวิทยุสื่อสารแจ้งตลอดว่าในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จมาแล้วอยู่ตรงจุดไหน พระองค์เสด็จมาพร้อมกับผู้ว่าการ กฟผ.ในขณะนั้น
มายืนอยู่ด้านหน้าบอร์ด ผมเองก็ยืนตัวเกร็งไม่สามารถหันหน้าไปมองพระองค์ได้ รู้สึกหายใจติดขัด ประหม่ามาก
สมัยนั้นใครจะใกล้พระเจ้าอยู่หัวได้ จะต้องมีการจัดสรรมาอย่างดี เป็นความปลาบปลื้มที่สุดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่เคยอยู่ใกล้กับพระองค์”
เจด็จ
พูดพลางยืนตรงถวายความเคารพต่อหน้าบอร์ด ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยรับเสด็จ
และถวายงานใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่นี่
ในครั้งนั้น
คนที่ทำหน้าที่ดูแลสื่อมวลชนเมื่อครั้งที่ในหลวง รัชกาลที่ ๙
เสด็จรัฐพิธีเปิดโรงไฟฟ้า คือ ศราวุธ ศิริธร หัวหน้าหมวดต้อนรับ สื่อโสตทัศน์
แผนกประชาสัมพันธ์โรงไฟฟ้าแม่เมาะ
บอกว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นอยู่ในความทรงจำตลอด ๓๒ ปีที่ผ่านมา ในวันนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการดูแลสื่อมวลชน
จ.ลำปาง ก็รู้แล้วว่าจะได้มีโอกาสใกล้ชิดพระองค์ท่านแน่นอน
เป็นความฝันอยากจะได้รับเสด็จใกล้ชิดพระองค์สักครั้งหนึ่ง กระทั่งในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จมาที่พลับพลาที่ประทับ
บริเวณโรงไฟฟ้า ได้เพียงแค่เห็นพระองค์ทรงพระราชดำเนินผ่าน
สายตามองจ้องไปที่พระพักตร์ มีความรู้สึกขาสั่น และหัวใจเต้นแรงมาก พอไปคุยกับคุณพ่อว่าทำไมเรามีอาการเช่นนี้ คุณพ่อก็บอกว่านี่แหละคือบารมีของพระองค์ท่าน
เช่นเดียวกับ
กิตติกิจ เศวตเศรนี ช่างระดับ ๘ แผนกประชาสัมพันธ์เหมืองแม่เมาะ ที่ได้รอรับเสด็จ กล่าวว่า ได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จลงจากเฮลิคอปเตอร์
รู้สึกตื่นเต้น และมองดูพระองค์ทั้งตอนเสด็จมาถึงและเสด็จกลับ ซึ่งได้รับทราบจากการบอกเล่ากันมาว่าขณะพระองค์ประทับอยู่บนเฮลิคอปเตอร์
มองจากมุมสูงลงมาเห็นพื้นที่ทิ้งดินและบ่อเหมือง
จึงมีพระราชดำริว่าสถานที่ทิ้งดินควรนำมาฟื้นฟูปลูกป่าคืนให้กับราษฎรในพื้นที่
ส่วนบ่อเหมืองเมื่อเสร็จภารกิจของ กฟผ.แล้ว
น่าจะเป็นแหล่งรับน้ำขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคต กฟผ.จึงได้จัดทำแผนรองรับไว้แล้ว
นพณภัสสร ถาวรอธิวาสน์
หัวหน้ากองชุมชนสัมพันธ์ เป็นอีกหนึ่งคนที่เฝ้ารอรับเสด็จ
ซึ่งขณะนั้น ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ต้อนรับ เล่าว่า พอทราบว่าในหลวงรัชกาลที่๙จะเสด็จมาที่
กฟผ.แม่เมาะ รู้สึกตื่นเต้นมาก มีโอกาสได้เห็นพระองค์ท่านน้ำตาจะไหล
ไม่เคยได้ใกล้ชิดขนาดนั้น เป็นบุญมากที่ได้รับเสด็จอย่างที่ประชาชนหลายคนคาดหวังว่าจะได้เห็นพระองค์ครั้งหนึ่งในชีวิต
ปุ๊
ขัดทะเสมา
อายุ ๖๔ ปี ราษฎรที่มารอรับเสด็จเมื่อปี ๒๕๐๑
เล่าว่า ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จมาลงรถไฟที่สถานีรถไฟแม่เมาะ ตอนนั้นอายุ ๔ ขวบ
พ่อบอกว่าวันนี้พระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จมาบ้านเราเลยบอกกับพ่อว่าอยากเห็นพระเจ้าแผ่นดิน
พ่อเลยพาไป ตอนที่ได้เห็นในหลวงรัชกาลที่๙ รู้สึกดีใจมาก ก้มกราบแผ่นดิน
กราบรอยเท้าที่พระองค์เหยียบ
และบอกว่าวันข้างหน้าถ้ามีลูกหลานก็ขอให้ลูกเจริญรอยตามพระองค์
- การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
บรรพต
ธีระวาส กล่าวถึงความรู้สึกในครั้งนั้นว่า ทุกคนช็อคกับข่าวที่ได้รับทราบ
ต่างคนต่างร้องไห้ รู้สึกเคว้งคว้าง
การมีพ่อที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้หาได้ยาก หันไปทางไหนก็เห็นทุกคนมีความรู้สึกเดียวกัน อยากจะบอกว่าคนไทยทุกคนซาบซึ้งถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านได้มอบให้กับประเทศไทย
เป็นสิ่งที่ล้ำค่าของปวงชนชาวไทย
ไม่ต่างจากความรู้สึกของ
กิตติกิจ เขาบอกว่า วันนั้นเป็นวันที่พวกเราสูญเสียมาก ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ยังทำใจไม่ได้ ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวทหาร เราจงรักภักดีมาตลอด
พูดไม่ออกเรานั่งร้องไห้
ถ้าพูดถึงพระองค์ท่าน จะกี่ปีก็จะยังรู้สึกเช่นนี้
ศราวุธ
ได้เล่าว่า วันนั้นได้ฟังข่าวทางโทรทัศน์ว่าพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เสด็จไปที่โรงพยาบาลศิริราช ก็เริ่มรู้สึกไม่ดีตั้งแต่ตอนนั้น
พอออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ตอนนั้นนั่งอยู่กับคุณแม่
ท่านก็ยกมือท่วมศีรษะและน้ำตาไหลไปด้วยกัน
เราได้สูญเสียพระมหากษัตริย์ผู้มีพระปรีชาสามารถ และเป็นที่รักของประชาชนชาวไทย
และสิ่งหนึ่งที่ชาว
กฟผ.แม่เมาะ ได้ระลึกถึงพระองค์ท่านคือ
การนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน และสืบสานต่อไปสู่ชาวบ้าน
บรรพต ธีระวาส ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ
ย้ำคำว่า กฟผ.ได้น้อมนำเรื่องความพอเพียง ความสมถะ ของพระองค์ท่านมาใช้
ทำให้มีความสุขกับชีวิตและครอบครัวในปัจจุบัน
รวมทั้ง กฟผ.แม่เมาะ ได้นำศาสตร์ของพระราชามาใช้กับงานมวลชนสัมพันธ์โดยตรง
การพอเพียง การอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน ทุกสิ่งที่ กฟผ.นำมาปฏิบัติเป็นแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านทั้งสิ้น
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1152 วันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น