คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
ออกโรงเตือนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
ให้เร่งแก้ไขปัญหามลภาวะและผลกระทบต่อสุขภาพจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง หลังพบยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 นายภาณุวัฒน์
ทองสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า กสม.
ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
2565 เกี่ยวกับผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ถ่านหินลิกไนต์ หินปูน
และโรงไฟฟ้าแม่เมาะของ กฟผ. ปัญหาที่พบ ได้แก่ มลภาวะทางเสียง ฝุ่นละออง
กลิ่นเหม็น น้ำเน่าเสีย สัตว์น้ำลดลง และสารพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เช่น ปรอท
ตะกั่ว ทองแดง และแคดเมียมในอ่างเก็บน้ำแม่เมาะ นอกจากนี้ ยังมีข้อร้องเรียนจากเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะในเดือนพฤศจิกายน
2565 ว่าไม่สามารถเข้าถึงกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ
อาชีพ และสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มที่
จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง
กสม. พบ 3 ประเด็นปัญหา
ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ :
ผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กฟผ. ประกอบกิจการในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลําปาง รวม 3 กิจการ ได้แก่ โครงการเหมืองแร่ถ่านหิน ลิกไนต์
โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมเคมี และโรงไฟฟ้าแม่เมาะ โดยปรากฏข้อมูลตามรายงาน
การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือรายงาน EHIA โครงการขยายกําลังการผลิตโรงไฟฟ้า
ทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4 - 7 ของ กฟผ. (ระยะดำเนินการ)
ประจำเดือนมกราคม – มิถุนายน 2565 ว่า คุณภาพน้ำผิวดินและตะกอนดินบริเวณอ่างเก็บน้ำแม่เมาะ
มีค่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และรายงานผลการ
ติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ในช่วงปี 2565 - 2567 พบว่า
มีประเด็นสิ่งแวดล้อม หลายด้านที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในรายงาน EHIA
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพอากาศ
กสม. เห็นว่า แม้ กฟผ. จะปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ ในรายงาน EHIA ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ และได้แก้ไขปัญหาตามมาตรการครบถ้วนตามที่ปรากฏในรายงาน ดังกล่าว รวมทั้งได้ศึกษาวิจัยร่วมกับสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับฝุ่นละออง โอโซน และการสะสมของสารพิษ ในตะกอนดินแล้ว แต่ผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมหลายด้านยังมีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าฝุ่นสูงในพื้นที่โรงไฟฟ้า การปนเปื้อนของสารหนูและแคดเมียมในน้ำและดิน การพบปรอท อินทรีย์เกินมาตรฐานในเนื้อปลาจากแหล่งน้ำดิบ แหล่งน้ำดิบ รวมทั้งการตรวจพบเสียงดังรบกวนจากกิจกรรมโรงไฟฟ้า เกินมาตรฐานโดยเฉพาะช่วงกลางคืน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางแก้ไขปัญหาของ กฟผ. ตามรายงาน EHIA ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของชุมชนได้ อีกทั้ง กฟผ. อยู่ระหว่าง ก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8 - 9 และจะเริ่มเดินเครื่องในปี 2569 จึงต้องมีมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาผลกระทบสะสมในพื้นที่อำเภอแม่เมาะอย่างเคร่งครัด ในชั้นนี้ จึงรับฟังได้ว่า มีการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ร้องและประชาชนที่ได้รับผ ได้รับผลกระทบ
การจัดสรรค่าภาคหลวงแร่ :
อบต. สบป้าด จัดอยู่ในกลุ่ม อบต. และเทศบาลอื่นที่อยู่ภายในจังหวัดที่มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ตามประทานบัตร ที่จะได้รับการจัดสรร ค่าภาคหลวงแร่ในอัตราร้อยละ 10 ของค่าภาคหลวงแร่ที่จัดเก็บได้ภายในเขต และจะได้รับการจัดสรรตาม อัตราส่วนจำนวนราษฎร ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น เรื่อง การจัดสรรค่าภาคหลวงแร่และค่าภาคหลวงปิโตรเลียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า อบต. สบป้าดได้รับจัดสรรค่าภาคหลวงแร่จากอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เรื่อยมาตั้งแต่ปี องแร่เรื่อยมาตั้งแต่ปี 2547 ในชั้นนี้ จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่ามีการกระทำ หรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ดี กสม. เห็นว่า หลักเกณฑ์การจัดสรร ค่าภาคหลวงแร่ดังกล่าว ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันทางด้านรายได้ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) บางแห่งที่มีพื้นที่อยู่ใกล้กับเหมืองแร่ ไม่ได้รับการจัดสรรค่าภาคหลวงแร่หรือได้รับการจัดสรรไม่ เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ประชาชนในพื้นที่
การจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า
:
กรณีการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อเยียวยาผู้ได้รับ
ผลกระทบให้แก่เครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ เห็นว่า แม้ว่าเครือข่ายฯ
จะสามารถขอรับการสนับสนุน งบประมาณตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดําเนินงานของโรงไฟฟ้า
พ.ศ. 2563 ได้ แต่ที่ผ่านมาเครือข่ายฯ กลับได้รับจัดสรรเงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าฯ
เพียง 2 ครั้ง คือในปี 2551 เป็นโครงการให้โคและสุกร
ในนามเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ และปี 2566 ได้รับจัดสรรเงินผ่านอำเภอแม่เมาะ
600,000 บาท ทั้งที่มี สมาชิกกว่า 200 คน
อันสะท้อนให้เห็นถึงความไม่สมดุลในการจัดสรรเงินกองทุน นอกจากนี้
ในทางปฏิบัติเครือข่ายฯ
ยังไม่สามารถเข้าถึงเงินสนับสนุนเพื่อค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าได้
อย่างที่ควรจะเป็น
เนื่องจากระเบียบเน้นไปที่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือกิจกรรมชุมชนทั่วไป
กลุ่มผู้ป่วยและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการดําเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะจึงต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและการสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นความทุกข์ยากที่ เรื้อรัง และสะท้อนถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น
ในชั้นนี้ จึงรับฟังได้ว่า การออกกฎเกณฑ์และระเบียบ
เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม
2568 ได้มีข้อเสนอแนะของ กสม. ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:
ต่อ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) :
- แก้ไขปัญหาเสียงดังรบกวน กลิ่นเหม็น และปรับปรุงการตรวจวัดเสียงให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ
- ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงาน
EHIA
อย่างเคร่งครัด และเผยแพร่ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ประชาชนทราบ
- จัดทำมาตรการและแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ และเพิ่มความถี่ในการตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง
- สำหรับโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 ที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2569 ต้องมีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสะสมอย่างเคร่งครัด
- ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) โดยรวบรวมปัญหาอุปสรรค และข้อร้องเรียน เพื่อนำไปแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินโครงการทั้งสามในอำเภอแม่เมาะ ให้เป็นไปตามหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (UNGPs) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
:
- แก้ไขปรับปรุงระเบียบ หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และโปร่งใส
- ปรับคำนิยาม "ผู้มีส่วนได้เสีย" ให้ครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลที่รวมตัวกันเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเครือข่ายภาคประชาชนที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และจัดสรรงบประมาณด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้มีสัดส่วนมากกว่าด้านอื่น ๆ
ต่อกระทรวงอุตสาหกรรม
และอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น :
- ปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง การจัดสรรค่าภาคหลวงแร่และค่าภาคหลวงปิโตรเลียมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรค่าภาคหลวงแร่ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
- ต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงาน
EHIA
ด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อน
และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม:
- พิจารณาปรับประเด็นการตรวจวัดเสียงรบกวนให้เป็นไปตามประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง วิธีการตรวจวัดระดับเสียงรบกวน ระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง และระดับเสียงสูงสุด ที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. 2567 และกำหนดมาตรการในการตรวจวัดเสียงรบกวนให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น