วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โรงไฟฟ้าแม่เมาะใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะ บริหารน้ำฝ่าพายุวิภาสำเร็จ ลดผลกระทบตลอดลำน้ำจาง

วิกฤติสถานการณ์น้ำจากพายุวิภาที่พัดผ่านภาคเหนือโดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแม่เมาะและจังหวัดลำปางได้ผ่านพ้นไปแล้ว ปัจจุบันระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่จางโดยรวมอยู่ในระดับคงที่และสามารถบริหารจัดการได้ตามแผนที่วางไว้ ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากการเตรียมพร้อมและการดำเนินงานอย่างเป็นระบบของคณะทำงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งรับผิดชอบหลักในการบริหารจัดการน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่จาง


คณะทำงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโรงไฟฟ้าแม่เมาะได้นำเทคโนโลยีระบบบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ (Smart Water Management)ที่ติดตั้งระบบโทรมาตรไว้เหนืออ่างเก็บน้ำและตลอดลำน้ำจาง ร่วมกับข้อมูลสารสนเทศจากกรมอุตุนิยมวิทยามาใช้ประมวลผลและบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่จางและลำน้ำจางที่ไหลผ่าน อ.แม่เมาะ อ.แม่ทะ และ อ.เกาะคา จ.ลำปาง โดยนายอรรถพล อิ่มหนำ ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิตโรงไฟฟ้าแม่เมาะในฐานะประธานคณะทำงานฯ ได้ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำต่อเนื่องเป็นประจำทุก 2 เดือน โดยในปี 2568 จากข้อมูลสารสนเทศของกรมอุตุนิยมวิทยาและอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญาในช่วงกลางปีทำให้คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าในปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้เริ่มพร่องน้ำผ่านประตูระบายน้ำ (Irrigation gate) อ่างเก็บน้ำแม่จาง ปริมาณ 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อเดือน เพื่อหล่อเลี้ยงระบบนิเวศและเตรียมรองรับน้ำที่ไหลเข้าอ่าง


ในวิกฤติพายุวิภาครั้งนี้จะมีการจัดตั้ง War Room เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำโดยคณะทำงานจะประชุมสรุปสถานการณ์ทุกวัน เพื่อประเมินปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างผ่านระบบบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะที่ติดตั้งไว้เหนืออ่างเก็บน้ำและตลอดลำน้ำจาง นอกจากนี้ยังใช้ข้อมูลสถานะลำน้ำในพื้นที่ และข้อมูลการพร่องน้ำในอดีตมาประกอบการพิจารณาบริหารจัดการน้ำ โดยอิงตามกราฟควบคุมระดับน้ำ Rule Curve พิจารณาเปิดบานประตูระบายน้ำ (Spillway) หากระดับน้ำใกล้ถึงระดับเก็บกักปกติที่ +352.50 ม.รทก. เพื่อควบคุมไม่ให้ระดับน้ำเกินจุดวิกฤตที่ +354.03 ม.รทก. เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชุมชนท้ายน้ำ โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้สื่อสารไปยังผู้เกี่ยวข้องก่อนที่จะเปิดประตูระบายน้ำ โดยทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่ รวมถึงลงพื้นที่พบปะกับผู้นำชุมชนเพื่อสื่อสารข้อมูลและประสานงานด้วยตนเองตลอดลุ่มน้ำจาง ทั้งก่อนเปิดประตูระบายน้ำและหลังปิดประตูระบายน้ำ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชน


ผลจากการบริหารจัดการน้ำเชิงรุกและแม่นยำนี้ ช่วยลดผลกระทบจากพายุตลอดลำน้ำจาง ซึ่งการพร่องน้ำบางส่วนจะช่วยให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนจากพายุวิภาที่ตกลงเหนืออ่างเก็บน้ำ ในขณะที่ปล่อยน้ำผ่านประตูระบายน้ำได้ในระดับที่ต่ำกว่าปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง นอกจากนี้การบริหารจัดการน้ำยังช่วยให้มีน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับชุมชนและโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อใช้ในฤดูแล้งอีกด้วย การรับมือกับสถานการณ์พายุวิภา ตอกย้ำถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการวางแผนงานเชิงรุกและการทำงานร่วมกันกับชุมชน เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับพื้นที่





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น