วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ถอดรหัสสงครามหาเสียงออนไลน์ บทเรียนจากก้าวไกลถึงพรรคประชาชน

            คล้ายการใช้โซเชียลมีเดีย ของพรรคประชาชน ที่เคยเป็นตัวแปรชัยชนะให้กับพรรคก้าวไกล อย่างถล่มทลายเมื่อการเลือกตั้ง66 จะสิ้นมนต์ขลัง ไม่มีพลังมากพอที่จะสยบคู่แข่งอย่างราบคาบได้อีกแล้ว โดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดีย สื่อออนไลน์ เป็นเครื่องมือสำคัญ ที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยมีพรรคภูมิใจไทย และกล้าธรรม เร่งฝีเท้าตามมาติดๆ

            ย้อนไปดูพรรคก้าวไกล ที่เคยมี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแม่เหล็ก กวาดเก็บเสียงคนรุ่นใหม่ จนก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง พิธา ร่ำเรียนมาในเรื่องการใช้สื่อออนไลน์ เขาใช้โซเชียลมีเดีย หรือสื่อสังคมออนไลน์อย่างมียุทธศาสตร์ ก้าวไกลในวันนั้น หรือประชาชนในวันนี้ เป็นพรรคที่มีทุนรอนจำกัด หรืออย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ใช้เงินเป็นปัจจัยชี้ขาด ไม่ซื้อเสียง ไม่มีหัวคะแนน ไม่มีคะแนนจัดตั้ง ดังนั้น วิธีการที่จะได้การสนับสนุน คือการสร้างหัวคะแนนธรรมชาติ โดยผ่านการสร้างเนื้อหาแปลกใหม่ หลากหลาย ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ (User Generated Content – UGC)

            พิธา ใช้ช่องทาง Tik Tok เป็นช่องทางหลัก คู่ขนานไปกับช่องทางออนไลน์อื่นๆ และด้วยบุคลิกลักษณะที่โดดเด่น เข้าถึงคนในทุกระดับ ผู้ชมหลายสิบล้านซึ่งส่วนใหม่เป็นคนรุ่นใหม่และคนทำงาน จึงกลายเป็นฐานเสียงและหัวคะแนนธรรมชาติโดยปริยาย แต่ “เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ไม่ได้มีคุณสมบัติเช่นนั้น

            ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชน ทั้ง 4 เขต จังหวัดลำปาง ครั้งนี้ จึงอาจเหนื่อยกว่าครั้งก่อนที่เคยมีแรงส่งจากกระแสก้าวไกล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยเฉพาะในเขต 4 ที่ บอนด์ สุริยะ จะต้องชนกับ รภัสสรณ์ นิยะโมสถ  สะใภ้บ้านสวน อดีต ส.ส.พรรคประชาชน

            น่าจับตามองยุทธศาสตร์หาเสียงที่เปลี่ยนไปของพรรคการเมืองเก่า ที่เริ่มใช้พื้นที่โซเชียลมากขึ้น แม้แต่การรับสมัครผู้ช่วยทำงานและผู้ช่วยหาเสียงของ กิตติกร โล่ห์สุนทร ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์  การแนะนำตัวในช่องทางสื่ออิเล็คทรอนิคส์ ของ ธนาธร โล่ห์สุนทร

            พื้นที่โซเชียลมีเดียซึ่งรวมคนหลากหลายประเภท หลายสาขาอาชีพ เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ที่หากเข้าถึงได้ก็จะได้เปรียบคู่แข่ง นาทีนี้ ก็ยังบอกไม่ได้ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยจะทวงแชมป์กลับมา หรือพรรคประชาชนจะรักษาพื้นที่เดิมและได้รับชัยชนะแบบยกจังหวัดเหมือนเช่นที่พรรคก้าวไกลเคยทำได้ในบางจังหวัดหรือไม่

            ยังมองไม่เห็นการใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีกลยุทธ์เลย ทั้งพรรคประชาชนและเพื่อไทย นอกจากการใช้เปิดตัวผู้สมัคร ครีเอทีฟ บวกกับความถี่ในการนำเสนอ แพลตฟอร์มที่ใช้ในการหาเสียงจะมีความจำเป็นอย่างยิ่งจากนี้ แต่ในภาพใหญ่ของการเลือกตั้ง หากพรรคเพื่อไทยเลือกใช้โซเชียลมีเดียที่มีการบริหาร จัดการ บวกกับระบบหัวคะแนนแบบเก่า การหาเสียงลงพื้นที่ การวิเคราะห์คู่แข่ง วิเคราะห์เนื้อหาการหาเสียงของพรรคที่เป็นแคนดิเดท ด้วยมืออาชีพ พรรคเพื่อไทยก็จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคการเมืองอื่นๆทันที

            ไม่มีพรรคการเมืองไหนยึดครองโลกแห่งโซเชียลมีเดียได้อีกแล้ว

            ใช้ให้ฉลาด  ใช้ให้เป็น  นั่นแหล่ะคือวิถีแห่งชัยชนะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น