ร่วม 40 ปี
ที่โรงงานครั่งเล็กๆในลำปางค่อยๆเติบโตหยั่งรากฐานธุรกิจจากการซื้อขายครั่งดิบ
จนกลายเป็นโรงงานแปรรูปครั่งเม็ดขายส่งออกต่างประเทศปีละไม่น้อยกว่า 2,000 ตัน นับว่าเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย ภายใต้ บริษัท นอร์ทเทอร์นสยามซีดแลด
จำกัด ตั้งอยู่ในเขตตำบลปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
หากแต่โอกาสและเส้นทางเติบโตของธุรกิจท้องถิ่นรายนี้ไม่เคยจะหยุดพัฒนา
ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อให้ก้าวทันตลาด แต่เป็นการเติบโตที่พุ่งไปสู่ขีดความสามารถที่
“นำตลาด” อุตสาหกรรมครั่งของประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตครั่งเกล็ด และเชลแลคน้ำ
เกรดพรีเมียม รายแรกของประเทศไทยในขณะนี้
จากคำสัมภาษณ์ของ ‘อภิชัย
สัชฌะไชย’ กรรมการบริหาร บริษัท นอร์ทเทอร์นสยามซีดแลด จำกัด
บอกว่า
ด้วยสายป่านอันยาวนาน และประสบการณ์ทุกย่างก้าวที่เริ่มต้นจากธุรกิจในครอบครัว บริหารงานแบบกงสีเล็กๆ
ยกระดับตัวเองเป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตครั่งเม็ดมานาน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยนพัฒนาตัวเองไปอีกก้าวหนึ่ง
จากธุรกิจต้นน้ำที่รับซื้อครั่งสดมานาน แปรรูปเป็นครั่งเม็ด ขายเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมกลางน้ำที่ใช้ครั่งเป็นวัตถุดิบ
ล่าสุดจะเป็นผู้ผลิตแปรรูปครั่งด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นผลิตภัณฑ์เชลแลคเกล็ด
พร้อมใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร และเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมเคลือบผิวที่มีความปลอดภัย
“ การพัฒนาโรงงงานครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่เราพยายามศึกษาพัฒนามาระยะหนึ่ง
ซึ่งใช้ข้อมูลทางการตลาดจากฐานลูกค้าเดิมที่เราขายครั่งเม็ดส่งออกไปต่างประเทศ แถบ
อเมริกา ยุโรป เขาก็นำครั่งไปทำเชลแลคเกล็ด ซึ่งเพิ่มมูลค่าครั่งไปหลายเท่าตัวมาก เราจึงสนใจศึกษาเทคโนโลยีตัวนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของเราให้ยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าแค่ขายวัตถุดิบ ซึ่งเราก็ได้รับการสนับสนุนทุน จาก โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
(ITAP)
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการศึกษาวิจัยเพื่อนำเทคโนโลยีการผลิตเชลแลคเกล็ด
จากต่างประเทศมาใช้ร่วมกับโครงสร้างเครื่องจักรที่ผลิตโดยคนไทยได้สำเร็จ
ทำให้เราได้เทคโนโลยีการผลิตเชลแลคเกล็ดแห้งสำเร็จรูปที่พร้อมนำไปผสมกับตัวทำละลายใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป
ซึ่งเชลแลคชนิดนี้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงจากผลิตภัณฑ์เดิม แม้ว่าลงทุนสูงแต่ใช้แรงงานในระบบอุตสาหกรรมต่ำมาก
นอกจากนี้ยังได้ ผลพลอยได้อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ จากกระบวนการผลิตให้สามารถทำ เชลแลคน้ำเกรดพรีเมียมอีกด้วย”
ในแง่ของการตลาดผลิตภัณฑ์เชลแลคน้ำเกรดพรีเมียมที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเชลแลคเกล็ดที่ว่านี้
จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งขายตลาดในประเทศและเพื่อนบ้านรอบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก
ขณะที่เชลแลคเกล็ดยังคงพุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ
กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการตลาดที่ลงตัวขนาดนี้เรียกว่าไม่ธรรมดา
“ตลาดเชลแลคเกล็ดที่เราผลิตขึ้น
ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวของไทย และเป็นราย ที่ 4
ของโลก ซึ่งมีความต้องการตลาดสูงมาก ส่วนเชลแลคน้ำทาไม้ที่เราผลิตภายใต้แบรนด์ ‘นอร์ทเทอร์น เชลแลค’ เรียกได้ว่าเป็นรายแรกของไทยที่ผลิตเชลแลค
Food Grade เพราะเป็นเชลแลคที่ใช้เทคโนโลยีแยกเอาแวกซ์ที่มีผลให้ขุ่นหรือตกตะกอน
ทาไม่เรียบ นอกจากนี้เรายังใช้เอทานอลเป็นตัวทำละลาย แทนเมทานอลซึ่งเป็นเคมีอันตรายต่อสุขภาพ
สินค้าใหม่นี้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์ Tablewareที่ต้องการคุณภาพ Food Grade
รวมถึงอุตสาหกรรมของเล่นเด็กประเภทงานไม้ นี่คือจุดแข็งสำคัญที่จะทำให้เราเป็นเจ้าตลาดอุตสาหกรรมเชลแลคเกรดพรีเมียม”
แม้เป้าหมายตลาดแรกของเชลแลคน้ำทาไม้
จะชัดเจนจากนโยบายเชิงกุลยุทธ์การตลาด แต่ในระยะเริ่มต้น อภิชัย ผู้บริหารหนุ่ม
ก็ยังต้องทำการบ้านอย่างหนักก่อนจะปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดเต็มรูปแบบในปลายปีนี้
เพราะการนำสินค้าเกรดพรีเมียมไปสอดแทรกตลาดทั่วไปไม่ใช่เรื่องง่าย “ความเข้าใจ”
และการสื่อสารการตลาดเรื่องของ “ความคุ้มค่า” เป็นงานแรก
สองเป้าหมายตลาดแบ่งออกเป็น
ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หมายถึง “ช่าง” และ
กลุ่มตลาดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ทั้งร้านค้ารายย่อยไปจนถึง ห้างใหญ่ที่มีอำนาจกระจายสินค้า
อย่าง โมเดิร์นเทรดต่างๆในประเทศไทย ไปจนถึงตลาดผู้ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียในระยะไม่เกิน
2 ปีข้างหน้านี้ ซึ่ง “อภิชัย”บอกว่า การจับมือร่วมกับพันธมิตรการค้าเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญกว่าการก้าวเติบโตเพียงลำพัง
ทั้งหมดที่ว่านี้เป็นก้าวที่เติบโตอย่างจริงจังด้วยเงินลงทุน
40 ล้านบาท เป็นเดิมพัน แม้อุตสาหกรรมใหม่นี้เพิ่งจะเริ่มต้น แต่ฝันปลายทางของ
บริษัท นอร์ทเทอร์นสยามซีดแลด จำกัด ยังปักธงชัยไว้ที่
อุตสาหกรรมเชลแลคครบวงจร ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และวางเป้าหมายให้ได้ ISO22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่เป็นอันดับสองของโลก
เส้นทางธุรกิจที่ดูเหมือนจะยาวนานของทายาทรุ่นที่
3 ของโรงงานภูธรเล็กๆในลำปาง ในยุคนี้ นับเป็นการก่อไฟฝันของการแข็งขันกับตัวเอง
เข้าไปกุมอำนาจการต่อรองในอุตสาหกรรมครั่งระดับโลกที่น่าติดตาม
เรารายแรกของไทยที่ผลิตเชลแลค
Food
Grade เพราะเป็นเชลแลคที่ใช้เทคโนโลยีแยกเอาแวกซ์ที่มีผลให้ขุ่นหรือตกตะกอน
ทาไม่เรียบ นอกจากนี้เรายังใช้เอทานอล
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่1145 วันที่ 8 - 14 กันยายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น