วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560

‘สยามซีดแลค’สยายปีก แปรรูปเชลแลคพรีเมียม

จำนวนผู้เข้าชม url and counting visits

ร่วม 40 ปี ที่โรงงานครั่งเล็กๆในลำปางค่อยๆเติบโตหยั่งรากฐานธุรกิจจากการซื้อขายครั่งดิบ จนกลายเป็นโรงงานแปรรูปครั่งเม็ดขายส่งออกต่างประเทศปีละไม่น้อยกว่า 2,000 ตัน นับว่าเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย ภายใต้ บริษัท นอร์ทเทอร์นสยามซีดแลด จำกัด ตั้งอยู่ในเขตตำบลปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง

หากแต่โอกาสและเส้นทางเติบโตของธุรกิจท้องถิ่นรายนี้ไม่เคยจะหยุดพัฒนา ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อให้ก้าวทันตลาด แต่เป็นการเติบโตที่พุ่งไปสู่ขีดความสามารถที่ “นำตลาด” อุตสาหกรรมครั่งของประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตครั่งเกล็ด และเชลแลคน้ำ เกรดพรีเมียม รายแรกของประเทศไทยในขณะนี้

จากคำสัมภาษณ์ของ อภิชัย สัชฌะไชยกรรมการบริหาร บริษัท นอร์ทเทอร์นสยามซีดแลด จำกัด บอกว่า ด้วยสายป่านอันยาวนาน และประสบการณ์ทุกย่างก้าวที่เริ่มต้นจากธุรกิจในครอบครัว บริหารงานแบบกงสีเล็กๆ ยกระดับตัวเองเป็นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตครั่งเม็ดมานาน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยนพัฒนาตัวเองไปอีกก้าวหนึ่ง จากธุรกิจต้นน้ำที่รับซื้อครั่งสดมานาน แปรรูปเป็นครั่งเม็ด ขายเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมกลางน้ำที่ใช้ครั่งเป็นวัตถุดิบ ล่าสุดจะเป็นผู้ผลิตแปรรูปครั่งด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เป็นผลิตภัณฑ์เชลแลคเกล็ด พร้อมใช้ในอุตสาหกรรมยา อาหาร และเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมเคลือบผิวที่มีความปลอดภัย

“ การพัฒนาโรงงงานครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ที่เราพยายามศึกษาพัฒนามาระยะหนึ่ง ซึ่งใช้ข้อมูลทางการตลาดจากฐานลูกค้าเดิมที่เราขายครั่งเม็ดส่งออกไปต่างประเทศ แถบ อเมริกา ยุโรป เขาก็นำครั่งไปทำเชลแลคเกล็ด ซึ่งเพิ่มมูลค่าครั่งไปหลายเท่าตัวมาก  เราจึงสนใจศึกษาเทคโนโลยีตัวนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของเราให้ยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าแค่ขายวัตถุดิบ  ซึ่งเราก็ได้รับการสนับสนุนทุน จาก โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในการศึกษาวิจัยเพื่อนำเทคโนโลยีการผลิตเชลแลคเกล็ด จากต่างประเทศมาใช้ร่วมกับโครงสร้างเครื่องจักรที่ผลิตโดยคนไทยได้สำเร็จ ทำให้เราได้เทคโนโลยีการผลิตเชลแลคเกล็ดแห้งสำเร็จรูปที่พร้อมนำไปผสมกับตัวทำละลายใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป ซึ่งเชลแลคชนิดนี้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงจากผลิตภัณฑ์เดิม  แม้ว่าลงทุนสูงแต่ใช้แรงงานในระบบอุตสาหกรรมต่ำมาก นอกจากนี้ยังได้ ผลพลอยได้อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ จากกระบวนการผลิตให้สามารถทำ เชลแลคน้ำเกรดพรีเมียมอีกด้วย”

ในแง่ของการตลาดผลิตภัณฑ์เชลแลคน้ำเกรดพรีเมียมที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตเชลแลคเกล็ดที่ว่านี้  จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งขายตลาดในประเทศและเพื่อนบ้านรอบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก ขณะที่เชลแลคเกล็ดยังคงพุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ

กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และการตลาดที่ลงตัวขนาดนี้เรียกว่าไม่ธรรมดา

“ตลาดเชลแลคเกล็ดที่เราผลิตขึ้น ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวของไทย และเป็นราย ที่ 4 ของโลก ซึ่งมีความต้องการตลาดสูงมาก ส่วนเชลแลคน้ำทาไม้ที่เราผลิตภายใต้แบรนด์ นอร์ทเทอร์น เชลแลค เรียกได้ว่าเป็นรายแรกของไทยที่ผลิตเชลแลค Food Grade เพราะเป็นเชลแลคที่ใช้เทคโนโลยีแยกเอาแวกซ์ที่มีผลให้ขุ่นหรือตกตะกอน ทาไม่เรียบ นอกจากนี้เรายังใช้เอทานอลเป็นตัวทำละลาย แทนเมทานอลซึ่งเป็นเคมีอันตรายต่อสุขภาพ สินค้าใหม่นี้เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์ Tablewareที่ต้องการคุณภาพ Food Grade รวมถึงอุตสาหกรรมของเล่นเด็กประเภทงานไม้ นี่คือจุดแข็งสำคัญที่จะทำให้เราเป็นเจ้าตลาดอุตสาหกรรมเชลแลคเกรดพรีเมียม”

แม้เป้าหมายตลาดแรกของเชลแลคน้ำทาไม้ จะชัดเจนจากนโยบายเชิงกุลยุทธ์การตลาด แต่ในระยะเริ่มต้น อภิชัย ผู้บริหารหนุ่ม ก็ยังต้องทำการบ้านอย่างหนักก่อนจะปล่อยสินค้าออกสู่ตลาดเต็มรูปแบบในปลายปีนี้ เพราะการนำสินค้าเกรดพรีเมียมไปสอดแทรกตลาดทั่วไปไม่ใช่เรื่องง่าย “ความเข้าใจ” และการสื่อสารการตลาดเรื่องของ “ความคุ้มค่า” เป็นงานแรก

สองเป้าหมายตลาดแบ่งออกเป็น ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หมายถึง “ช่าง”  และ กลุ่มตลาดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ทั้งร้านค้ารายย่อยไปจนถึง ห้างใหญ่ที่มีอำนาจกระจายสินค้า อย่าง โมเดิร์นเทรดต่างๆในประเทศไทย ไปจนถึงตลาดผู้ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียในระยะไม่เกิน 2 ปีข้างหน้านี้ ซึ่ง “อภิชัย”บอกว่า การจับมือร่วมกับพันธมิตรการค้าเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญกว่าการก้าวเติบโตเพียงลำพัง

ทั้งหมดที่ว่านี้เป็นก้าวที่เติบโตอย่างจริงจังด้วยเงินลงทุน 40 ล้านบาท เป็นเดิมพัน แม้อุตสาหกรรมใหม่นี้เพิ่งจะเริ่มต้น แต่ฝันปลายทางของ บริษัท นอร์ทเทอร์นสยามซีดแลด จำกัด ยังปักธงชัยไว้ที่ อุตสาหกรรมเชลแลคครบวงจร ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และวางเป้าหมายให้ได้ ISO22000 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่เป็นอันดับสองของโลก

เส้นทางธุรกิจที่ดูเหมือนจะยาวนานของทายาทรุ่นที่ 3 ของโรงงานภูธรเล็กๆในลำปาง ในยุคนี้ นับเป็นการก่อไฟฝันของการแข็งขันกับตัวเอง เข้าไปกุมอำนาจการต่อรองในอุตสาหกรรมครั่งระดับโลกที่น่าติดตาม

เรารายแรกของไทยที่ผลิตเชลแลค Food Grade เพราะเป็นเชลแลคที่ใช้เทคโนโลยีแยกเอาแวกซ์ที่มีผลให้ขุ่นหรือตกตะกอน ทาไม่เรียบ นอกจากนี้เรายังใช้เอทานอล

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่1145 วันที่ 8 - 14 กันยายน 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์