วิทยุธุรกิจท้องถิ่นจุกอกหลังไม่มีความชัดเจนว่าจะปลดล๊อคคำสั่งห้ามออกอากาศ ระบุลูกค้า-รายได้หาย
ดีเจตกงาน แบกภาระทุนโดยไม่มีรายได้ ขณะที่รายย่อยที่ยังไม่ผ่านใบอนุญาตเริ่มระส่ำประกาศขายเครื่องดึงทุนคืน
จากสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้
เกิดการควบคุมและจัดระเบียบสื่อวิทยุโทรทัศน์ จากกรณี
ประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ฉบับที่ 32/2557
เรื่องการระงับการออกอากาศของสถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย
และสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับอนุญาตทดลองประกอบกิจการ ส่งผลให้ผู้ประกอบกิจการวิทยุธุรกิจท้องถิ่น ได้รับผลกระทบจากคำสั่งให้ยุติออกอากาศดังกล่าว
มาตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2557
จาก
การสำรวจข้อมูลและสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบทางธุรกิจกับสถานีวิทยุประเภท
ธุรกิจท้องถิ่นหลายแห่งให้ข้อมูลตรงกันว่า
สถานีวิทยุธุรกิจท้องถิ่นทุกสถานียินดี
เสียสละเวลาออกอากาศเพื่อให้ความร่วมมือกับการดูแลควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง
และเชื่อว่าเป็นผลดีในการจัดระเบียบวิทยุท้องถิ่นให้มีมาตรฐานและคุณภาพ
รวมถึงการแข่งขันที่เป็นธรรม
แต่ไม่ชัดเจนการดำเนินงานและระเบียบปฏิบัติของกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสท.) หลายประการทำให้การดำเนินงานไปสู่ความถูกต้องและชัดเจนเป็นไปอย่างล่าช้าทั้งระบบ
ส่งผลกระทบต่อความไม่ชัดเจนเรื่องของกำหนดกรอบเวลาระงับ และอนุญาตให้ออกอากาศ
ซึ่งมีผลต่อการบริหารจัดงานในแง่ธุรกิจ
ขณะ
เดียวกันมีรายงานข่าวว่ามีผู้ประกอบการวิทยุธุรกิจ
บางส่วนที่อยู่ระหว่างเตรียมเอกสารยื่นขออนุญาตเบื้องต้น
ไม่อยู่ในข่ายจะได้รับอนุญาตในวาระการจัดระเบียบการจัดสรรคลื่นครั้งนี้หลาย
สถานี
ขณะที่บางสถานีไม่เคยยื่นขออนุญาตแต่ลงทุนติดตั้งสถานีและออกอากาศไปแล้ว
ต้องหยุดดำเนินการ
บางรายมีการประกาศแจ้งขายเครื่องและเสาส่ง ในวงเงิน 50,000 -150,000 บาท
เพราะไม่มีความหวังว่าจะจัดตั้งสถานีได้อีก
วชิระ คุณากิตติคุณ ผู้ประกอบการและผู้บริหารสถานีวิทยุท้องถิ่น
3 คลื่น ได้แก่ ฮิตเอฟเอ็ม,ลูกทุ่งนัมเบอร์วัน และ เลิฟเอฟเอ็ม เปิดเผยว่า หลังจากมีคำสั่งให้วิทยุท้องถิ่นระงับออกอากาศ
ผู้ประกอบการวิทยุท้องถิ่นทุกสถานีให้ความร่วมมือ และพยายามสอบถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง
กสทช.เขต3 และกสทช.ส่วนกลาง
แต่มีหลายส่วนไม่มีความชัดเจนและมีความซับซ้อนเรื่องของการดำเนินการ เช่น
ข้อกำหนดเรื่องเอกสารใบอนุญาตที่ถูกต้อง ทุกสถานีได้ยื่นเอกสารทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงประเภทกิจการบริการทางธุรกิจ
ได้ลงทุนเกี่ยวกับเครื่องส่ง เสาสัญญาณ ห้องส่ง สตูดิโอ รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆที่ถูกต้องตามประกาศ
กสทช. แต่บางส่วนต้องยอมรับว่าการทำงานของ กสทช.ล่าช้า
ทำให้บางสถานีอยู่ในข่ายรอใบอนุญาต และบางสถานี ได้รับใบอนุญาตทดลองออกอากาศ
แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะได้ออกอากาศเมื่อไหร่ อย่างไร
"ผลกระทบจากการระงับการออกอากาศ
มี 3 ส่วน ส่วนแรกคือผู้ฟังซึ่งไม่เข้าใจ และสอบถามเข้ามาเยอะมาก ส่วนที่สองคือ
ลูกค้าที่ซื้อเวลาโฆษณา
ซึ่งทางสถานีจะต้องยืดเวลาและชดเชยความเสียหายเกี่ยวกับการเสียโอกาสของลูกค้า และส่วนที่สามคือ
ดีเจ หรือนักจัดรายการวิทยุไม่มีงานทำ ที่บริษัทของผม มีดีเจในสังกัดประมาณ 20 คน
ซึ่งทางบริษัทจะต้องแบกรับภาระเงินเดือน ค่าตอบแทน โดยที่ไม่มีรายได้เข้ามา
รวมแล้วมากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน แต่ยังโชคดีที่เรามีธุรกิจอื่นๆ
ทำให้มีรายได้พยุงไว้บางส่วน" นายวชิระกล่าว
เสาวลักษณ์ จำปาทอง
ผู้ประกอบการและผู้บริหารสถานีวิทยุธุรกิจท้องถิ่น สมูทเรดิโอ เปิดเผยว่า ในส่วนของผลกระทบด้านธุรกิจ
หากดูตัวเลขอาจจะไม่สูงมากนักในขณะนี้ เนื่องจากส่วนหนึ่ง ลูกค้าที่ซื้อเวลาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่สมูท
เรดิโอ ส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ขณะนี้และยินดีรับเงื่อนไขในการยืดหยุ่น
ชดเชยเวลาตามสิทธิ์เงื่อนไขข้อตกลง แต่มีบางรายที่เป็นลูกค้าสัญญาระยะยาว
ที่ต้องออกอากาศให้ครบตามสัญญา ที่ไม่สามารถชดเชยเวลาคืนได้
ต้องเสียรายได้และเกิดความเสียหายที่ต้องชดเชยในแง่ธุรกิจ แต่ความเสียหายที่มากกว่าตัวเลข
คือการเสียโอกาสทางธุรกิจและการสูญเสีย ความเชื่อถือ และความเชื่อมั่นต่อวงการวิทยุท้องถิ่น
"ปัญหาเรื่องผลกระทบจะมองแต่ตัวเลขทางธุรกิจไม่ได้
เพราะเมื่อสถานีวิทยุถูกระงับการออกอากาศ นั่นหมายถึง ความเสียหายทุกด้าน
ทั้งรายได้ โอกาส และความเชื่อมั่น เราไม่ได้ปฏิเสธการจัดระเบียบสื่อวิทยุครั้งนี้
กลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ คสช.ยื่นมือเข้ามาคัดกรองและจัดระเบียบสื่อวิทยุท้องถิ่นให้เข้ารูปอย่างเป็นรูปธรรม
แต่ปัญหาคือ ความล่าช้าจาก
กสชท.ซึ่งเป็นเจ้าภาพงานเดิมยังขาดความชัดเจนในการปฏิรูป
หรือจัดระเบียบได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กลุ่มที่ทำธุรกิจได้รับผลกระทบเหมารวมไปด้วย
แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบยังไม่มีใครพูดถึง
ไม่ใช่ให้ผู้ประกอบกิจการวิทยุรับเพียงฝ่ายเดียว" ผู้บริหารสมูทเรดิโอกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 982 ประจำวันที่ 13 - 19 มิถุนายน 2557)