
ไฟไหม้ตึกแถว 2 คูหาย่าน ต.สบตุ๋ย เมืองลำปาง ระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำสกัด ใช้เวลา 1 ชั่วโมงไฟจึงสงบ เบื้องต้นคาดว่าเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร
เมื่อเวลา 16.20 น.วันที่ 6 เม.ย.59 ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุมีควันไฟโพยพุ่งออกจากบ้านเลขที่ 191 ถ.ประสานไมตรี ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง จากนั้นจึงได้ประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครลำปางเร่งเข้าตรวจสอบ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมา พ.ต.อ.นิคม เครือนพรัตน์ ผกก.สภ.เมืองลำปาง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ถนัดชัย เครือวัง สารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองลำปาง ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบว่าเป็นตึกแถว 2 ชั้นด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูน ตั้งติดกันอยู่ 3 คูหา โดยได้มีควันไฟสีดำโพยพุ่งออกจากตึกแถวห้องแรกทางซ้ายสุด พร้อมกับมีไฟลุกไหม้ด้านหลังบริเวณชั้น 2 ชาวบ้านได้พยายามนำน้ำไปฉีดดับไฟ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะดับได้ ไฟได้ลุกไหม้อย่างรุนแรงขึ้นและเริ่มลุกลามมาด้านหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครลำปางประมาณ 10 คัน ได้นำน้ำมาฉีดสกัดเพลิงที่ลุกไหม้ เพื่อไม่ได้ลามไปติดบ้านหลังอื่น เจ้าหน้าที่จึงต้องงัดแงะประตูและทุบกระจกเข้าไปเพื่อดับไฟ เนื่องจากเจ้าของไม่อยู่บ้าน ซึ่งไฟได้ลามไปติดคูหาห้องกลางอีกห้องหนึ่ง
ด้านนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง และรองนายกเทศมนตรี ได้เดินทางมาอำนวยการสั่งการในที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นตึกแถวได้รับความเสียหาย 2 คูหา คือเลขที่ 191 และ 191/1 ซึ่งเป็นของนางพรรณี ทาสาย อายุ 69 ปี ขณะเกิดเหตุได้ออกไปทำธุระนอกบ้าน จึงปิดล็อกประตูไว้ ออกบ้านไปตั้งแต่เวลา 14.00 น. และไม่ได้เสียบปลั๊กอะไรทิ้งไว้ ส่วนคูหาห้องกลางก็เพิ่งซื้อต่อมาจากพี่สาวได้เพียง 3 วันเท่านั้น
นอกจากนั้นยังมีร้านกาแฟถ้วยโปรด เลขที่ 189/1 ตั้งอยู่ติดกัน ซึ่งเป็นร้านของนางจันทร์สม เสียงดี ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครลำปาง โดนไฟลุกลามเสียหายเล็กน้อย และตึกแถวเลขที่ 191/3 มีนายชยกร อุตรธรรมชัย อายุ 38 ปี เป็นเจ้าของ ทรัพย์สินภายในบ้านเปียกน้ำไปทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำสกัดไม่ให้ไฟลุกลามเข้าไปในตึกแถวดังกล่าว
นายชยกร กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนพักผ่อนอยู่ในบ้าน ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่ได้กลิ่นควัน จึงออกมาดูก็เห็นควันดำพุ่งออกมาจากตึกหลังแรก เพื่อนบ้านจึงตะโกนเรียกให้ตนเองรีบออกมาจากบ้าน เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย ซึ่งไฟไม่ได้ลุกลามมาถึง แต่ข้าวของภายในบ้านก็เปียกน้ำหมด ก็ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย
เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตาม ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1074 วันที่ 8 - 21 เมษายน 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น